อดีต กกต.เตรียมหอบ 7 หมื่นรายชื่อ ปชช. ยื่นเสนอร่างแก้ รธน.ปิดสวิตช์ ส.ว.ตัดอำนาจเลือกนายกฯอังคารนี้ แย้มได้เสียงฝั่ง ส.ส.หนุนแล้ว 265 เสียง
วันนี้ (20 ก.พ.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยการเมืองและการพัฒนา มหาวิทยาลัยรังสิต และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเสนอร่างแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ในการร่วมลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ได้รับแจ้งจากทางประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกำหนดยื่นเสนอร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..)พุทธศักราช .... พร้อมเอกสารลงลายมือชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง จำนวน 7 หมื่นชื่อแรก ในวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์นี้ โดยก่อนหน้านี้ เราได้เดินสายไปพบปะพูดคุยกับทางพรรคการเมืองต่างๆ โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้าน ส่วนฝ่ายรัฐบาลยังสงวนท่าทีอยู่ ขอเข้าพบก็ยังไม่ตอบรับอย่างชัดเจนนัก เบื้องต้นได้เสียงสนับสนุนจากฝั่งส.ส.มาแล้วประมาณ 265 เสียง แต่จริงๆยังต้องได้มากกว่านั้น ส่วนในฝั่งของ ส.ว.เราจำเป็นต้องได้เสียงสนับสนุนอย่างน้อย 1 ใน 3 ของสมาชิก ส.ว. ซึ่งขณะนี้ได้มีการไปพบปะบางคนเท่าที่คุ้นเคยแล้ว และรับปากว่า ที่จะให้ความสนับสนุนเช่นกัน ส่วนการเดินสายพบปะ ส.ว.แบบทางการนั้น ขณะนี้ยังไกลเกินกว่าที่จะริเริ่มได้ เนื่องจากตามกระบวนการเมื่อเราเสนอร่างกฎหมายเข้าไปทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 30-45 วันในการตรวจสอบความถูกต้องของรายชื่อทั้งหมด ขณะเดียวกัน จะต้องนำร่างดังกล่าวเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์เพื่อเปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 77 กำหนดไว้ หากครบถ้วนแล้ว ทางประธานสภาฯจะบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมต่อไป ส่วนจะเข้าเมื่อใดนั้นขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของประธานสภาฯแต่คาดว่าช่วงเดือนพฤษภาคมหรือเดือนมิถุนายน น่าจะสามารถเข้าสู่วาระการประชุมได้หรือไม่ก็อาจช่วงท้ายๆก่อนที่จะปิดสมัยประชุมที่ 1 พ.ศ. 2565
นายสมชัย กล่าวว่า เมื่อมีการบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมแล้ว การรณรงค์ครั้งใหญ่จะดำเนินการแบบเต็มที่คือการให้ประชาชนแสดงออกโดยการร่วมลงชื่อต่อเนื่อง แม้จะไม่ได้เป็นชื่อที่นำเสนอต่อประธานสภา แต่จะเป็นจำนวนตัวเลขที่ทำให้เห็นว่าประชาชนสนใจที่จะเข้าร่วมลงชื่อเพิ่มเติม และแม้กระทั่งวันที่สภาฯมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวนี้ เราก็จะเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อเพื่อให้ตัวเลขขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ก็จะมีการเดินสายพบปะกับพรรคการเมืองอื่นๆ ที่เหลือ รวมทั้ง ส.ว.ด้วยเพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้