ล่าสุด 9 กุมภาพันธ์ ปีพุทธศักราช 2565 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565
ในประกาศ ไม่มีคำว่า กิ่ง ก้าน ใบ ดอก ราก กัญชา
ตีความได้ว่า ทั้งต้นกัญชา ไม่ได้เป็นยาเสพติดอีกต่อไป
ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2561 ในวันที่พรรคภูมิใจไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ดันนโยบายกัญชา มาใช้หาเสียง ชั่วโมงนั้น มีเพียงแต่เสียงปรามาส ว่า “ขายฝัน ทำไม่ได้จริง”
ก็ไม่แปลก … เพราะอย่าลืมว่า กัญชา เป็นยาเสพติดชนิดสมบูรณ์แบบมาตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2522 และที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีใครหาญกล้าจะปล่อยกัญชาออกจากกรงกฎหมาย ซ้ำร้ายยังกลายเป็นไปตีกรอบให้ประชาชน ตอกย้ำว่า กัญชา เป็นพิษ เป็นภัย กับสังคม สวนทางกับเทรนด์โลกที่ได้เปลี่ยนมองมุม และเห็นคุณค่าของกัญชา นำมาใช้ประโยชน์ทั้งในด้านการแพทย์ และในด้านเศรษฐกิจ
ในประเทศไทยเอง มีกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง ที่ผลักดันเรื่องการคลายล็อกกัญชา เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วย ที่ยืนยันตามหลักวิชาการแล้วว่า มีคุณค่าทางยา สามารถเยียวยาความเจ็บป่วยได้สารพัดโรค ทั้ง พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ ไปจนถึงมะเร็ง ที่กัญชา ได้เข้าไปช่วยยกระดับคุณภาพชีวิต ให้ผู้ป่วยสามารถ กินได้ นอนหลับ
กระนั้น การจะให้กัญชา กลายเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และให้คนไทย ยอมรับ ก็ดูไกลเกินฝัน เพระอย่างลืมว่า สถานะของกัญชาถูกมองเป็นโจร ต้องถูกขัง กันมากว่า 40 ปี
จุดเปลี่ยน !
ทุกเรื่องราวย่อมีจุดหักมุม เรื่องของกัญชาก็เช่นกัน มันเกิดขึ้น เมื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ประกาศนโยบายกัญชาเสรีขึ้นมา นี่คือ ประวัติศาตร์การเมืองที่สำคัญ เมื่อพรรคการเมืองหนึ่ง กล้านำสิ่งที่อยู่ใต้ดิน มาใช้หาเสียง แม้ในทางวิชาการ จะทราบดีว่า กัญชา มีประโยชน์อนันต์ แต่การนำมาใช้หาเสียงนั้น คือ โจทย์ที่ท้าทายมาก
ทว่าเมื่อคนหนึ่งกล้า ก็ย่อมมีกลุ่มคนที่หาญออกมาช่วย กลุ่มเครือข่ายผู้ที่นิยมกัญชา ขานรับนโยบายของพรรคภูมิใจไทย
ในองคาพยพนั้น มีแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญร่วมด้วยจำนวนมาก อาทิ ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ไปจนถึงเหล่าคณาจารย์จากสถาบัน ที่ออกมาสนับสนุนแนวคิดและนโยบายของนายอนุทิน
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ นายกสมาคมเกษตรกรไทย เคยพูดกับนายอนุทินว่า
“ถ้าท่านทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็ไม่จำเป็นต้องมานั่งกังวล”
เพราะความไม่กังวล ในการทำในสิ่งที่ถูกต้อง นายอนุทิน จึงลงมือ ลงแรง ลงสมอง อย่างเต็มความสามารถค่อยๆ คลายล็อกกัญชา จากกรงกฎหมาย และกรงความเชื่อ ด้วยการใช้พลังแห่งความเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ค่อยๆ คลี่ปมเชือกที่มัดแน่น เริ่มจากการออกประกาศ วางกรอบใหม่ ให้มีคลินิกกัญชาทางการแพทย์ปูพรมทั่วประเทศ เปลี่ยนภาพจำ ให้กัญชา
จากยาเสพติด ให้กลายเป็นยารักษาโรค
จากนั้น ก็ออกประกาศ ให้ประชาชนรวมตัวกันปลูก ไปจนถึงการนำส่วนต่างๆ ของกัญชา มาใช้ในผลิตภัณฑ์ แต่กระนั้น ก็ยังมีความยุ่งยากซับซ้อน ในการปฏิบัติ เพราะอย่าลืมว่า กว่าจะถึงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่กัญชาหลุดพ้นไปจากความเป็นยาเสพติด กัญชา ยังถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถตีความได้ว่า “ผิดกฎหมาย” อยู่
กระทั่ง มีประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่ถอดชื่อกัญชาในกฎหมายดังกล่าวไปแล้ว แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ เพราะบางฝ่ายยกเอาประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับเก่ามาตีความว่ากัญชา เป็นยาเสพติด
แม้จะขัดกับประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับปี 2564 แล้วก็ตาม
เป็นที่มาของการออกประกาศ กระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 เพื่อยุติปัญหาจากการตีความ ซึ่งกว่าจะผ่านชั้นพิจารณาของบอร์ด ป.ป.ส.มาได้ ก็ต้องบอกว่า อยู่ในระดับที่รากเลือด เพราะสัญญาณของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ดูแล้วสวนทางกับฝ่ายกระทรวงสาธารณสุขอยู่มาก แต่ทันที ที่มีสัญญษณจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ส่งซิกเบาให้ “ผ่านในเรื่องนี้”
ที่สุดแล้ว ประกาศปลดล็อกกัญชา ก็ได้รับมติเห็นชอบจากบอร์ด ป.ป.ส. กระทั่งมาถึงขั้นที่ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาในที่สุด
วันนี้ กัญชา หลุดออกจากสถานะความเป็นยาเสพติดโดยสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงกฎหมายลูกต่างๆ ออกมากำหนดวิธีการใช้ กัญชา ก็จะได้กลับคืนสู่ประชาชนเสียที ระหว่างการขับเคลื่อน มีนักต่อสู้หลายคน ที่ผลักดันเรื่องนี้
น่าเสียดาย ที่พวกท่าน ได้จากไป ก่อนจะได้เห็น “ยุคกัญชาเรืองรอง” แต่ไม่มีวันลืมพวกท่านแน่นอน
นายยืนยง โอภากุล หรือ แอ็ด คาราบาว เป็นคนหนึ่งที่สนับสนุนนโยบายกัญชา เคยแต่งเพลงให้นายอนุทิน
"ฉันเคยอ่านนิทานอีสป ที่ในตอนจบ หนูช่วยราชสีห์ กัญชง กัญชา เป็นของดี ถ้ามีหนูช่วย ก็คงได้ใช้ ได้ใช้ในการที่ได้ปลูก จะกี่ต้น กี่ไร่ ก็ว่าไป ปลูกเป็นเศรษฐกิจ ยิ่งดีใหญ่ เกษตรกรไทย ได้ลืมตาอ้าปาก อ้าปาก ก็เพราะว่าได้ปลูก ได้ปลูก ถึงลืมตาอ้าปาก รากและต้น ใบ ดอกกัญชา ใช้ปรุงเป็นยา เป็นสมุนไพร ปรุงรส แกงเนื้อ แกงหมู แกงไก่ แทนผงชูรส เจริญอาหาร ห่างหายจากโรคภัย ยังทะเลาเบาลง จนหายขาด กัญชามีจารึกในประวัติศาสตร์ ว่าไทยเป็นชาติ ใช้กัญชา มาก่อนใคร
สายเหนียว ต้องหนู กันภัย สายอนามัยต้องหนู กัญชา นโยบาย 6 ต้นเข้าท่า สาธารณสุขจะเปลี่ยนเป็นสุขสมใจ คงไม่ได้หรอก พี่หนู กัญชา มีปัญหาที่ตัวบทกฎหมาย ข้าราชการที่ตัวใหญ่ๆ ที่มีนอก มีใน จนเมืองไทย จะรวยอ้าปาก ก็เพราะว่าได้ปลูก ได้ปลูก ถึงลืมตาอ้าปาก ฉันเคยอ่านนิทานอีสป ที่ในตอนจบ หนูช่วยราชสีห์ กัญชง กัญชา เป็นของดี ถ้ามีหนูช่วย ก็คงได้ใช้ ได้ใช้ต้านโรคภัยไข้เจ็บ โรคมะเร็งตัวร้าย ยังหายขาด เมืองไทยได้เวลา ได้โอกาส ได้ปลดทุกข์ช่วยชาติ เปลี่ยนทาสให้เป็นไทย
สายเหนียวต้องหนูกันภัย สายอนามัย ต้องหนูกัญชา นโยบาย 6 ต้นเข้าท่า สาธารณสุขจะเปลี่ยนเป็นสุขสมใจ คงไม่ได้หรอก พี่หนู กัญชา มีปัญหาที่ตัวบทกฎหมาย ข้าราชการที่ตัวใหญ่ๆ ที่มีนอก มีใน จนเมืองไทย จะรวย ดูอาการแล้วน่าเป็นห่วง ทั้งในกระทรวง และศึกในสภา ครั้งหนึ่ง พี่หนูเคย save เดชา ถ้าอยากปลูกกัญชา ต้องช่วยกัน save พี่หนู...หนูกัญชา"
ณ วันที่ 8 กุมภาพันธ์ พุทะศักราช 2565 หลังจากขับเคลื่อนนโยบายกัญชาเสรีมาอย่างยาวนาน
นายอนุทิน ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลดกัญชาออกจากชื่อยาเสพติด ระหว่างพิธีเขาได้คลอเพลงนี้เบาๆ
“สายเหนียวต้องหนูกันภัย สายอนามัย ต้องหนูกัญชา”