“ธีรัจชัย” ขอถอนตัวจากวงตรวจสอบ ดร.เอ้ เพื่อความโปร่งใส เผย กมธ. จ่อ สอบ ใช้ บ.คนใกล้ชิดรับงาน 5-6 โครงการ สมัยนั่งอธิการบดี สจล. กังขา สมบัติพ่อแม่ฐานะปานกลาง แต่ยกที่ดิน-คอนโด-บ้านเช่า มูลค่า 60 ล้าน พร้อมสืบค้นข้อมูลเสียภาษี ยัน ตรวจสอบตรงไปตรงมา ไร้การเมือง
วันนี้ (4 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปราบการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร (กมธ.ป.ป.ช.) แถลงผลการประชุม กมธ.ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณี นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า (สจล.) ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ของพรรคประชาธิปัตย์ มีเหตุอันควรสงสัยว่าทุจริตต่อหน้าที่และร่ำรวยผิดปกติว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นจากเอกสารของผู้ร้องเรียน ปรากฏว่า มีข้อมูลการเข้ารับตำแหน่งอธิการบดี สจล. ของ นายสุชัชวีร์ เมื่อวันที่ 2 ต.ค. 2558 จากนั้นยื่นบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2559 ปรากฏมีทรัพย์สินประมาณ 44 ล้านบาท
กระทั่งวันที่ 19 ก.ย. 2563 ดำรงตำแหน่งอธิการบดีครบ 3 ปี นายสุชัชวีร์และภรรยา มีทรัพย์สินประมาณ 74 ล้านบาท ต่อมาเมื่อวันที่ 1 ต.ค. 2564 มีทรัพย์สินรวมกับภรรยาประมาณ 342 ล้านบาท ซึ่งในหนึ่งปีหลังนี้ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 267 ล้านบาท
“นอกจากนี้ ยังมีประเด็นที่จะต้องตรวจสอบอีกหลายประเด็นในเรื่องของทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเป็นของภรรยาหรือไม่ ซึ่งต้องตรวจสอบว่านายสุชัชวีร์แต่งงานเมื่อไหร่ เบื้องต้นทราบว่า น่าจะประมาณปี 2561 นั้นหมายความว่า ปี 2563 จะมีทรัพย์สินของภรรยาเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งเมื่อวานนี้ ทาง กมธ.ป.ป.ช.ได้เชิญรักษาการอธิการบดี สจล. และรองอธิบดีกรมสรรพากรมาให้ข้อเท็จจริง” โฆษก กมธ. ป.ป.ช. กล่าว
นายธีรัจชัย กล่าวต่อว่า การประชุม กมธ. ไม่ได้มีคนใดคนหนึ่งสอบข้อเท็จจริง แต่มี ส.ส.ทุกพรรคทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลร่วมกันดำเนินการ เช่น พรรคประชาธิปัตย์ ก็มี นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะ กมธ.ป.ป.ช. อยู่ร่วมประชุมด้วย ตนเชื่อว่า กระบวนการมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ สำหรับประเด็นหารือมีเรื่องหน้าที่ของอธิการบดี สจล.มีอะไรบ้าง ทำงานเต็มเวลาหรือไม่ รับงานอย่างอื่นได้หรือไม่ มีรายได้เพิ่มขึ้นได้หรือไม่ และอธิบการบดีมีรายได้เท่าไหร่ มีค่าตอบแทนอะไรบ้าง ซึ่งได้รับคำตอบว่าไม่สามารถไปทำงานอื่นได้ นอกจากอธิการบดีในเวลาราชการ และไม่ได้เบี้ยประชุมในการประชุมอธิการบดี แต่หากไปประชุมที่อื่นจะได้รับเบี้ยประชุม
จากข้อมูลที่ได้รับเรื่องร้องเรียนมาระบุว่า เบี้ยประชุมและโบนัสนั้นได้รับในปี 2563 จำนวน 5.5 ล้านบาท อีกทั้งเงินเดือนประมาณ 1.4 ล้านบาท มาจากไหนอย่างไร และในส่วนของค่าที่ปรึกษาวิชาชีพวิศวกรรม 3.5 ล้านบาท เมื่อเป็นอธิการบดีแล้วยังได้อยู่หรือไม่ แต่รักษาการอธิการบดีที่เชิญมาตอบว่าไม่ได้ และขอกลับไปนำเอกสารมาชี้แจงภายใน 15 วัน
นายธีรัจชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ระหว่างปี 2558-2564 ที่นายสุชัชวีร์ดำรงตำแหน่งมีการก่อสร้าง 5-6 โครงการใน สจล. ซึ่งมีข่าวระบุว่า มีบริษัทหนึ่งสงสัยว่าจะมีหุ้นส่วนที่เป็นคนใกล้ชิดของนายสุชัชวีร์ และนายสุชัชวีร์ อาจเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทดังกล่าวด้วยนั้นมารับงานนี้หรือไม่ ซึ่ง กมธ.จะเรียกมาตรวจสอบต่อไปว่าจริงหรือไม่
อีกทั้งในปี 2559-2560 ยังมีโครงการของวชิระพยาบาล ได้มีการว่าจ้างให้ สจล. ทำทีโออาร์ควบคุมงานตรวจสอบการก่อสร้างอาคารใหม่ มีการจ้างบริษัทดังกล่าวมารับงานด้วยหรือไม่ รวมถึงในส่วนของการทำงานร่วมกับ กทม. ในการออกแบบสวนสัตว์คลอง 6 ปทุมธานี สจล.ได้เป็นที่ปรึกษามีมูลค่า 160 ล้านบาท ในปี 2563-2564 โครงการออกแบบพัฒนาทางเดินทางเท้าริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 100 ล้านบาท โครงการจากกระทรวงศึกษาธิการ ของคุณหญิงกัลยา โสภณพนิช มูลค่า 50 ล้านบาท ช่วงปี 2563 ด้วย
นายธีรัจชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับกรมสรรพากรเรื่องการเสียภาษีนั้น ทราบว่า มีภาษีหลายตัวที่มีการเสียภาษีมาก บางอย่างก็ได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีจำนวนมาก รายได้ของปี 2563 จำนวน 18 ล้านบาทเศษ มีรายได้พึ่งประเมินประมาท 12 ล้านบาทเศษ ทางกรมสรรพากรแจ้งว่า ช่วง 3 ปีหลัง นายสุชัชวีร์ ได้เสียภาษีประมาณ 1 ล้านกว่าบาท และ 9 แสนบาท ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบว่าการเสียภาษีชอบหรือไม่ และรายได้ที่ได้รับนั้นใช่หรือไม่
“กมธ.ป.ป.ช.ยืนยันว่า เราดำเนินการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมาและไม่มีธงตั้งว่าจะให้มีความผิด ส่วนกรณีที่มีข้อสงสัยว่าในช่วงนี้เป็นช่วงใกล้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ทำไมจึงนำเรื่องนี้เข้ามาพิจารณานั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รับเรื่องนี้มา และผู้ที่ร้องเรียนได้มาพูดคุยโดยตรง จากนั้นผมได้รับเรื่องนี้มาตรวจสอบต่ออย่างตรงไปตรงมา ซึ่งมีข้อสังเกตว่า พรรคก้าวไกล ก็ส่งผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ด้วยเช่นกันนั้น อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วยหรือไม่นั้น ฉะนั้น ในสัปดาห์หน้าที่มีการประชุม กมธ. ผมจะเสนอขอให้เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ เพื่อให้กระบวนการตรวจสอบโปร่งใสที่สุด ส่วนข้อร้องเรียนที่ระบุว่าบิดามารดาเป็นครูระดับวิทยาลัยเทคนิคอาชีวะ มีฐานะระดับปานกลาง สิ่งที่เราตรวจสอบได้คือมีการยกที่ดิน คอนโด และตึกแถวให้กับนายสุชัชวีร์ ประมาณ 60 กว่าล้านบาท ซึ่งก็ต้องตั้งข้อสังเกตต่อไป” นายธีรัจชัย กล่าว
เมื่อถามว่า ประธาน กมธ. ได้เน้นย้ำว่าให้พิจารณาเรื่องนี้เป็นพิเศษหรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า ไม่ได้มีการเน้นย้ำอะไร แต่ให้ดำเนินการตรวจสอบไปตามปกติ
ถามอีกว่า มีการเสนอว่า เรื่องนี้ควรให้กรรมการ ป.ป.ช.จะเป็นผู้ตรวจสอบจะเหมาะสมกว่า นายธีรัจชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ควรไปถามประธาน กมธ. จะดีกว่า เพราะเป็นคนมอบหมายมา ซึ่งต้องตรวจสอบในมาตรฐานเดียวกันกับเรื่องอื่นๆ