“ชาวดอนเมือง” ฟ้อง ศาลปกครอง เพิกถอน พ.ร.ฎ.เวนคืนที่ดิน สร้างถนนเชื่อมวิภาวดี-พหลโยธิน “ศรีสุวรรณ” ชี้ มุ่งทำลายชุมชน-ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายกำหนด
วันนี้ (4 ก.พ.) นายศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน นำชาวบ้านในเขตดอนเมือง ยื่นฟ้อง กรุงเทพมหานคร ผอ.สำนักการโยธา ผอ.เขตดอนเมือง ต่อศาลปกครองกลาง กรณีกรุงเทพมหานครได้ก่อสร้างทางหลวงท้องถิ่น สายเชื่อมระหว่างถนนวิภาวดีรังสิต กับถนนพหลโยธิน โดยมิได้ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายเวนคืน ปี 2530 และปี 2562
นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า การกำหนดแนวเส้นทางของถนนที่จะต้องมีการเวนคืนดังกล่าว ที่มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณปากซอยวิภาวดีรังสิต 72 ขนานไปกับทิศใต้ของท่าอากาศยานดอนเมือง ข้ามคลองลาดพร้าว ก่อนสิ้นสุดที่ ถ.พหลโยธิน ระหว่างซอยพหลโยธิน 69/2 ถึง 69/3 และเชื่อมต่อกับ ถ.เทพรักษ์ (พหลโยธิน-สุขาภิบาล 5) รวมระยะทางประมาณ 2.76 กิโลเมตรนั้น แนวเส้นทางดังกล่าวมิได้เป็นเส้นตรง แต่ กทม.มีเจตนาที่จะออกแบบเส้นทางให้หักศอกคดเคี้ยวเลียบคลองลาดพร้าว เพื่อทำลายชุมชนร่วมมิตรแรงศรัทธา เขตดอนเมือง ตามแนวริมคลองลาดพร้าว ให้เสียหายไปกว่า 174 หลังคาเรือน ทั้งๆ ที่หากออกแบบเส้นทางดังกล่าวเป็นเส้นตรง จะกระทบต่อชาวชุมชนร่วมมิตรฯเพียง 5-10 หลังคาเรือนเท่านั้น อีกทั้งการออก พ.ร.ฎ.เวนคืนและการออกประกาศเข้าพื้นที่มีข้อพิรุธหลายประการ โดยเฉพาะการมิได้ปฏิบัติตามขั้นตอน วิธีการตามที่ พ.ร.บ.เวนคืนและการได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ 2530 และ 2562 กำหนด การกำหนดเส้นทางเวนคืนที่ไปบุกรุกที่ดินริมคลองบางเขน ซึ่งเป็นที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ต้องห้ามตามกฎหมาย ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หลายมาตรา เป็นการทำลายสิทธิชุมชน สิทธิในที่ดินของชาวบ้าน ซึ่งชี้ว่ารัฐบาล และ กทม. ไม่ได้ให้ความสำคัญกับคนยากคนจน ที่จะต้องได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าวโดยไม่จำเป็น ที่สำคัญ มีการออก พ.ร.ฎ.กำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืนมาตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. 61 และจะครบอายุ พ.ร.ฎ.ดังกล่าวแล้วในสิ้นเดือน ก.พ. 2565 นี้ แต่ กทม.กลับเพิ่งนำ พ.ร.ฎ.จะเวนคืนฯและรายชื่อชาวบ้านที่จะได้รับค่าชดเชยโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างมาปิดประกาศให้ชาวบ้านทราบเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 65 โดยไม่ระบุตัวเลขค่าเวนคืน แต่เรียกให้ไปเจรจากับทางเจ้าหน้าที่เอง และไม่มีการบอกให้ใช้สิทธิอุทธรณ์ได้ตามกฎหมาย ทางสมาคมฯจึงเป็นตัวแทนชาวบ้าน ยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง ขอให้เพื่อเพิกถอนการใช้อำนาจเวนคืนฯโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย