"อรรถวิชช์" ชี้ ผลเลือกตั้งซ่อม คะแนน “พรรคกล้า” เทียบชั้น “ก้าวไกล” ลั่น กลายเป็นมวยหลักสนามกทม. มั่นใจเดินการเมืองคุณภาพถูกทางแล้ว เผย ชนะเขตจตุจักร แต่เสียดายคนออกมาใช้สิทธิ์น้อย ด้าน “กรณ์” ระบุ สัญญาณชัดเจนปชช. ต้องการเปลี่ยนแปลง
วันนี้(30ม.ค.) เมื่อเวลา 19.45 น. ที่พรรคกล้า นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขตหลักสี่ จตุจักร แถลงภายหลังทราบผลการนับคะแนนเลือกตั้งซ่อมอย่างไม่เป็นทางการ โดยนายกรณ์ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยที่ได้คะแนนเป็นอันดับที่หนึ่ง อย่างไรก็ตาม ขอกราบขอบพระคุณจากใจทุกคะแนนที่มอบให้นายอรรถวิชช์และพรรคกล้า และขอบคุณทีมงาน สมาชิก และผู้สนับสนุนพรรคกล้าทุกคน แน่นอนเราไม่ชนะเราย่อมรู้สึกผิดหวัง เพราะทุกครั้งที่ลงสมัครรับเลือกตั้งเราคาดหวังจะเข้าไปทำหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฏร แต่จากการเลือกตั้งครั้งนี้เราได้เรียนรู้แล้วว่า พรรคกล้ามาถูกทางที่นำเสนอการเมืองคุณภาพ สัญญาณที่ชัดเจนที่สุด คือ ประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการผู้มีอำนาจที่ตอบโจทย์แก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
“สะท้อนให้เห็นว่าคนกรุงเทพต้องการการเปลี่ยนแปลง ถ้าผมเป็นรัฐบาลต้องอ่านสัญญาณให้ขาด ตั้งคำถามว่าระหว่างที่อยู่ในอำนาจต้องทำอะไรในการแก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน เพราะจากผลกรเลือกตั้งใน 3 พรรคการเมืองที่มีคะแนนสูงสุดล้วนแล้วแต่เป็นพรรคที่นำเสนอแนวการเมืองที่เปลี่ยนแปลงและแตกต่างจากแนวทางของรัฐบาลปัจจุบัน” หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว
ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวว่า ขอบคุณทุกคะแนนที่ให้กับตน และมีข่าวดีแจ้งให้ทราบว่าฐานเสียงเดิมในเขตจตุจักร เรามาเป็นที่หนึ่ง ส่วนนายสุรชาติเป็นแชมป์เก่าในหลักสี่อยู่แล้ว และที่แน่นอน คือพรรคกล้าเป็นพรรคที่มีคะแนนเทียบเท่าพรรคก้าวไกลที่มีส.ส.อยู่ในสภา 50 คนแล้ว วันนี้เราเห็นชัดเจนการเมืองใหม่เกิดขึ้นแล้วในกรุงเทพมหานคร การทำการเมืองแบบใหม่ที่ทำให้เราขึ้นมาเป็นอันดับสอง หรืออันดับสามก็ตาม ทั้งนี้ การเลือกตั้งเที่ยวหน้าการเมืองคุณภาพจะเป็นเทรนการเมืองใหม่ที่ทุกพรรคต้องเดินตาม
เมื่อถามว่าผลการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ ถือว่าพรรคกล้าแจ้งเกิดหรือไม่ นายอรรถวิชช์ กล่าวว่า เห็นได้ชัดการเมืองแนวใหม่เกิดขึ้นแล้ว บอกตามตรงทีแรกลุ้นว่าจะออกมาทรงไหน จะเข้าที่สี่หรือที่ห้าเลยหรือไม่ แต่ปรากฎว่าไม่ใช่ เพราะขณะนี้พรรคกล้ายืนเป็นมวยหลักในกรุงเทพฯแล้ว
ถามอีกว่าคาดหวังได้หรือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหญ่ในเร็วๆนี้ นายกรณ์ กล่าวว่า คงต้องถามผู้มีอำนาจที่จะกำหนด จะยุบสภาช้าหรือเร็ว เห็นชัดว่าแนวทางของเราจะต้องทำอะไร เห็นว่าเราสู้ได้ ความต้องการของพี่น้องประชาชนต้องการการเปลี่ยนแปลง พอมีการเลือกตั้งใหญ่โจทย์จะเปลี่ยนไป แต่พรรคกล้าก็พร้อม หนีไม่พ้นเรื่องเศรษฐกิจขณะเดียวกันเรามีความจำเป็นต้องเร่งสรรพกำลังให้ต่อสู้อย่างเต็มที่ พรรคกล้าเป็นพรรคใหม่ยังไม่ครบสองปี มาได้ขนาดนี้ต้องขอกราบขอบพระคุณชาวจตุจักร หลักสี่
“อดเสียดายไม่ได้ ตามที่เลขาธิการพรรควิเคราะห์ไว้ สัดส่วนพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์ โดยเฉพาะฝั่งจัตุจักรตัวเลขน้อยมาก ทางกกต.แจ้งมาว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในเขตนี้เราชนะทุกพรรค อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราได้ไม่มากเท่าที่เราจะสามารถช่วงชิงได้ในสนามใหญ่” นายกรณ์ กล่าว