“ก้าวไกล” ปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร "เพชร" ยันอยู่ในพื้นที่มา 30 ปีรู้ปัญหา แซะลดค่ารถไฟฟ้าทำได้หรือ ทำรถเมล์ระยะสั้นราคาถูกดีกว่า ย้ำการเมืองใหม่ไม่ประนีประนอม อย่ามาอ้างร่วมมือกันเอาชนะเผด็จการ แล้วแอบไปจับมือกันใต้โต๊ะ "พิธา" ปลุกประชาชนเลือกด้วยความหวัง ไม่ใช่เพราะกลัวอีกคนแพ้ หรือกลัวรัฐประหาร-ยุบพรรค
เมื่อวันที่ 28 มกราคม ที่ตลาดนัดเจเจกรีน 2 แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ พรรคก้าวไกล นำโดย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค, นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค ได้แก่ นางสาววรรณวิภา ไม้สน, นายปดิพัทธ์ สันติภาดา, นายรังสิมันต์ โรม, นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ร่วมเปิดเวทีปราศรัยรณรงค์หาเสียงให้นายกรุณพล เทียนสุวรรณ หรือ เพชร ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขตจตุจักร-หลักสี่ กทม.เบอร์ 6 โดยก่อนหน้านี้ในพื้นที่ดังกล่าวมีฝนตกลงมาอย่างหนัก แต่เมื่อฝนหยุดประชาชนก็เริ่มทยอยมาจนเนืองแน่นเต็มหน้าเวทีการปราศรัย
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขณะนี้ไม่ใช่โค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อมเท่านั้น แต่จะเป็นโค้งสุดท้ายของรัฐบาล คสช. ที่ไปต่อไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากผลงานบริหารที่ผ่านมาล้มเหลวจนข้าวของแพงทั้งแผ่นดิน บริหารจนเป็นหนี้เป็นสิบสิบล้านแล้วปล่อยให้ประชาชนต้องชดใช้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ถ้าใครไม่ต้องการต่ออายุรัฐบาลนี้อีก วันที่ 30 มกราคม ตัดสินใจให้เด็ดขาด เลือก เพชร กรุณพล พรรคก้าวไกล เข้าไปตอกฝาโลงรัฐบาล คสช.
. “ยืนยันอีกครั้งว่า เสียงของเราทุกคนมีความหมาย เป็นเสียงของความเปลี่ยนแปลง ขอให้ช่วยกันส่งเสียงว่า เราต้องการเดินไปสู่อนาคตแบบใหม่ หลายคนบอกว่าเราต้องชนะขาด ผมอยากบอกว่า ชัยชนะเด็ดขาดที่แท้จริงคือชัยชนะที่เป็นของประชาชน ไม่ใช่ชัยชนะที่ไปแบ่งปันอำนาจชั่วครู่ชั่วคราว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมจึงต้องเลือกพรรคก้าวไกลเพื่อไปเปลี่ยนแปลงอย่างถึงราก ชัยชนะของประชาธิปไตยจะต้องยกระดับ ประชาชนต้องไม่ยอมให้การต่อสู้ที่แลกมาด้วยเลือดเนื้อที่ผ่านมาถูกนำไปแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันหลังฉากอีกต่อไป” นายชัยธวัช กล่าว
ด้านนายกรุณพล เทียนสุวรรณ กล่าวว่า หลายสิบปีในอาชีพนักแสดง ตนเจอเรื่องราวมากมาย วันนี้เส้นทางชีวิตเปลี่ยนมาเป็นอาชีพนักการเมือง สิ่งที่อยากทำมีมากมายเหลือเกิน และคิดว่าการเป็นนักการเมืองน่าจะตอบโจทย์ ตนรู้ตัวดีว่าเป็นผู้สมัครพื้นที่นี้มีหลายอย่างถาโถมเข้ามาในชีวิต เหมือนครั้งที่แล้วขึ้นเวทีถึงขั้นน้ำตาไหล แต่วันนี้ได้รับกำลังใจจากหลายคน ทำให้เข้มแข็งมากขึ้น ในโซเชียลมีเดีย มีทั้งคำชื่นชม ด่า ประณาม เหล่านี้ก็เอามาเป็นพลัง
นายกรุณพล กล่าวอีกว่า ในฐานะผู้สมัครเขตจตุจักร-หลักสี่ โดนปรามาสว่าเป็นแค่นักแสดง เรียนจบอะไรมา อยากบอกว่าจบเศรษฐศาสตร์ โดนปรามาสไม่มีประสบการณ์ จะสู้ได้เหรอ ตนก็อยากให้ไปดูคนที่อยู่สภามาไม่รู้กี่สิบปีไม่เห็นแก้ปัญหาอะไรได้ พรรคก้าวไกลเราไม่เคยเป็นรัฐบาล ไม่เคยถืองบประมาณ เรื่องทุจริตจึงเท่ากับศูนย์ แต่สิ่งที่เราทำมาตลอด 3 ปี คือ ตรวจสอบรัฐบาลอย่างเข้มข้น ไม่ย้อท้อ ไม่ประนีประนอม สำหรับพื้นที่นี้ตนอยู่มา 30 ปี ไม่ต้องเป็น ส.ส.ก็รู้ปัญหาของจตุจักร-หลักสี่ ก็เหมือนที่พี่น้องเจอ เรื่องปากท้อง รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย ของแพงขึ้นทุกวัน และยิ่งเขตนี้มีผู้สูงอายุเยอะจะทำอย่างไร เราเห็นว่าก็ต้องไปลดค่าใช้จ่ายให้ประชาชน ลดค่าใช้จ่ายก็เท่ากับเพิ่มเงินในกระเป๋า เราจึงเสนอรัฐสวัสดิการถ้วนหน้า จัดสรรงบประมาณ โดยคำนึงถึงพี่น้องประชาชนเป็นอันดับแรก ถึงเวลาแล้วที่ประเทศนี้จะต้องตอบแทนผู้สูงอายุด้วยเงินที่มากกว่าแค่เดือนละไม่กี่ร้อย
"อีกปัญหาคือเรื่องน้ำท่วม หลายคนบอกจะทำคลอง ทำอุโมงค์ระบายน้ำ ถามว่าต้องใช้งบฯ อีกกี่หมื่นล้าน แก้ปัญหาเฉพาะหน้าก่อนไหม ส.ส.หนึ่งคนได้แต่พูด แต่ไม่เคยหาเงินมาทำได้ ผมอยากทำอะไรที่จับต้องได้ เช่น ลอกท่อก่อนไหม เรามีนักโทษที่พร้อมมาทำงาน มีเบี้ยเลี้ยงให้เขา เรามีเจ้าหน้าที่ กทม. มีอาสาสมัครที่พร้อมทำงานนี้
“ด้านการจราจร บอกว่าจะดีขึ้นเพราะมีรถไฟฟ้า แต่ถามว่ารถไฟฟ้าแต่ละระบบกี่บาท จากหลักสี่ไป-กลับสุขุมวิท คิดว่าน่าจะ 200-300 บาท คนฐานะปานกลางจะนั่งไหม แล้วที่บอกจะลดค่ารถไฟฟ้า ถามว่ามีกี่เจ้า แล้วเขาจะคุยกันเหรอ แล้วรัฐก็ยังไม่จ่ายหนี้ด้วยเขาด้วย เขาจะลดเหรอ ดังนั้น ควรที่จะทำรถเมล์ไฟฟ้าวิ่งในระยะทางที่สั้น ราคาถูก เพราะนี่คือสวัสดิการของประชาชน ทำโดยไม่ขาดทุน ไม่ต้องหวังผลกำไร"
นายกรุณพล กล่าวอีกว่า เราตั้งใจแก้ด้วยการทำการเมืองใหม่ การเมืองที่ไม่มีการเกี้ยเซียะ ไม่มีการประนีประนอม ถูกคือถูก ผิดคือผิด เพราะถ้าคอยแต่ประนีประนอม ปัญหาก็ไม่หมดไป อย่างแม้แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ หลายคนบอกว่าเราควรร่วมมือกันเพื่อชนะเผด็จการ ตนถามว่า เริ่มด้วยการจับมือใต้โต๊ะ ชนะไปจะไม่มีผลประโยชน์ตอบแทนอย่างไร ชนะไปเป็นความภูมิใจเหรอที่คนหนึ่งต้องหลบให้ แล้วถ้าอย่างนั้นพรรคก้าวไกลจะตั้งมาทำไม พรรคก้าวไกลคือพรรคที่ต้องการผลักดันนโยบายและวิธีปฏิบัติที่ต่างจากพรรคการเมืองอื่นๆ เพราะพรรคของเราไม่ประนีประนอม พร้อมพุ่งชนกับทุกปัญหา วันนี้ เรามีความหวังที่มีพรรคฝั่งประชาธิปไตยที่แท้จริงเกิดขึ้น เป็นความหวังที่จะส่งต่อชีวิตที่ดีกว่าลูกหลาน วันที่ 30 มกราคมนี้ ทิ้งความกลัวที่ว่าจะแพ้เผด็จการ ทิ้งความกล้วที่คิดจะเกี้ยเซียะเพราะกลัวจะแพ้ และจงนำความหวังเข้าไปในหน่วยเลือกตั้งและกาเบอร์ 6 ให้เพชร กรุณพล ให้เป็นผู้แทนของท่านในเขตจตุจักร-หลักสี่
ด้านนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ปราศรัยว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งธรรมดา และไม่ใช่การเลือกตั้งของพรรคการเมืองไหน แต่เป็นการเลือกตั้งของทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ เป็นการเลือกตั้งของคนที่ไม่ทนต่อรัฐบาลเฮงซวย เราจะสู้อยู่เคียงข้างไม่ไปไหนอย่างแน่นอน สำหรับพี่น้องฝ่ายประชาธิปไตยที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ตนขอให้ทุกคนเลือกด้วยความหวังไม่ใช่ความกลัว ต้องเลือกด้วยความหวัง อย่าเลือกตั้งด้วยความกลัวว่าจะชนะไหม กลัวว่าเลือกพี่แล้วน้องจะแพ้ กลัวรัฐประหาร กลัวว่าจะถูกยุบพรรค
“ตราบใดที่นายพิธายังเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผมจะสู้กับความอยุติธรรมที่จะมาแน่นอน ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องคณิตศาสตร์ ไม่มีทางลัด ไม่ใช่บอกว่าให้เลือกอีกคนแล้วจะทำให้อีกคนแพ้ แต่ต้องเลือกด้วยความหวัง ต้องเลือกด้วยอนาคต ต้องเลือกว่าวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่าวันนี้ ไม่ใช่เลือกเพราะกลัวแพ้ ไม่ใช่เลือกตั้งเพราะกลัวว่ารัฐประหาร หากมีรัฐประหารเกิดขึ้น ผม เลขาธิการพรรคก้าวไกลและ ส.ส.ทุกคนจะไปยืนอยู่หน้าสภา หากมีปืนมายิงก็ให้รู้ไป หากบอกว่าจะมีการยุบพรรคก็ต้องอยู่ให้เป็น อีกเวทีหนึ่งเพิ่งจะบอกมาว่าต้องสู้ให้เป็น ไม่เช่นนั้นจะถูกยุบพรรค แต่ถูกยุบพรรคแล้วยังไง ยุบอนาคตใหม่แล้วเป็นยังไง ปัดโธ่” นายพิธากล่าว