สสส. แนะบริโภคอาหารช่วงเทศกาลตรุษจีน ยึดหลัก 5 ประการสู่อาหารปลอดภัย ลดเสี่ยง เลี่ยงโรค ให้ข้อมูลวิธีเลือกเนื้อหมูปลอดภัย บริโภคอาหารกลุ่มโปรตีนให้หลากหลาย พร้อมเปิด 2 ผัก 3 ผลไม้ ยอดนิยม ระมัดระวังสารกำจัดศัตรูพืชตกค้างมากที่สุด
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ สสส. กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งชาวไทยเชื้อสายจีนจะนำหมู เป็ด ไก่ รวมถึงผัก ผลไม้ มาเป็นส่วนประกอบในพิธีไหว้บรรพบุรุษหรือไหว้เจ้า สสส. มุ่งเน้นการเสริมสร้างคุณภาพและความปลอดภัยทางอาหาร โดยพัฒนาองค์ความรู้ นวัตกรรม และสนับสนุนการศึกษาวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมพฤติกรรมการบริโภคอาหารที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และมีคุณค่าทางโภชนาการ โดยขับเคลื่อนบูรณาการสานเสริมพลังองค์กร ชุมชน และภาคีเครือข่ายสนับสนุนระบบการเฝ้าระวังความปลอดภัยทางอาหาร สินค้า และบริการสุขภาพที่ไม่ปลอดภัย ด้วยกลไกภาคประชาสังคมที่ทำงานเชิงรุกเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน
สำหรับการบริโภคอาหารในช่วงเทศกาลตรุษจีนนั้น ควรใช้หลัก 5 ประการสู่อาหารปลอดภัย (Five Keys to Safer Food Manual) ตามข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ประกอบด้วย 1.รักษาความสะอาด ต้องล้างมือก่อนบริโภคอาหาร และก่อนเตรียมอาหารทุกครั้ง บริเวณเตรียมอาหารต้องสะอาด โดยเฉพาะโต๊ะ เขียง เพื่อป้องกันจุลินทรีย์ที่อาจติดมาได้ 2.แยกอาหารที่ปรุงสุกแล้วออกจากอาหารดิบโดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื้อสัตว์และอาหารทะเล รวมถึงของเหลวจากเนื้อสัตว์ อาจมีเชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนอยู่ สามารถแพร่กระจายไปสู่อาหารอื่นๆ ในขณะปรุงอาหารหรือเก็บอาหาร 3.ปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง ที่อุณหภูมิ 70 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะอาหารประเภทเนื้อ เนื้อไก่ ไข่ และอาหารทะเล ต้องสุกถึงด้านใน ซึ่งการปรุงที่ถูกวิธีและถูกสุขลักษณะจะทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นอันตรายได้เกือบทุกชนิด 4.เก็บอาหารในอุณหภูมิที่เหมาะสม โดยเชื้อจุลินทรีย์สามารถเพิ่มจำนวนได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ที่อุณหภูมิห้อง และจะหยุดเจริญหรือเพิ่มจำนวนช้าลง ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 5 องศาเซลเซียส และอุณหภูมิสูงกว่า 60 องศาเซลเซียส และ 5.ใช้น้ำสะอาดและวัตถุดิบที่ปลอดภัยในการปรุงอาหาร การเลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารอย่างถูกวิธีและการปฏิบัติตามหลักสุขอนามัยเบื้องต้นจะลดความเสี่ยงจากการบริโภคสารปนเปื้อนในอาหาร
รศ.ดร.ชนิพรรณ บุตรยี่ กรรมการบริหารแผนคณะที่ 5 สสส. และอาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผักและผลไม้มงคลมักเป็นที่นิยม และเป็นที่ต้องการของตลาดมากในช่วงเทศกาลตรุษจีนซึ่งเป็นช่วงระยะสั้นๆ ทำให้เกษตรกรอาจเร่งผลผลิต และป้องกันศัตรูพืชด้วยการใช้สารเคมี จึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษในเรื่องของสารตกค้าง ซึ่งจากการดำเนินโครงการผักและผลไม้ปลอดภัยตลอดห่วงโซ่ ทั้งการเฝ้าระวังของภาครัฐและเอกชน มักพบการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืชในผักและผลไม้มงคลที่นิยมนำมาไหว้ในเทศกาลตรุษจีน 3 ชนิด คือ ส้ม องุ่น แก้วมังกร ส่วนผักมี 2 ชนิด คือ คะน้า ขึ้นฉ่าย ขณะที่กะหล่ำปลีมีการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดทำให้ในระยะหลังพบสารตกค้างไม่เกินค่าความปลอดภัยหรือไม่พบเลย
“คำแนะนำก่อนนำมาประกอบอาหาร แนะนำให้ล้างทำความสะอาด จะช่วยลดการตกค้างได้ส่วนหนึ่ง รวมถึงการประกอบอาหารด้วยการผ่านความร้อน จะทำให้สารกำจัดศัตรูพืชและจุลินทรีย์ถูกทำลาย ความเสี่ยงก็จะลดลงเรื่อยๆ ส่วนผักที่บริโภคสดหรือผักเคียง สามารถลดการปนเปื้อนโดยการล้าง แต่ด้วยผักที่บริโภคสดไม่ผ่านความร้อน ฉะนั้น ต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่มั่นใจได้ เช่น เลือกผักออร์แกนิก หรือผักที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน GAP ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์รับรอง จะช่วยลดความเสี่ยงได้ส่วนหนึ่ง สำหรับผลไม้ ต้องเลือกซื้อจากแหล่งที่มั่นใจได้เช่นกัน รวมถึงแนะนำให้ล้าง และปอกเปลือกก่อนบริโภค” รศ.ดร.ชนิพรรณ กล่าว
รศ.ดร.ชนิพรรณ กล่าวด้วยว่า กรณีโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร ( ASF) จะติดต่อจากการสัมผัสโดยตรงจากสุกรที่ป่วยไปยังสุกรด้วยกัน ไม่แพร่กระจายสู่คน อย่างไรก็ตาม ก่อนนำไปปรุงอาหารควรล้างเนื้อหมูให้สะอาด และปรุงสุกทุกครั้งเพื่อความมั่นใจว่าได้บริโภคเนื้อหมูที่ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ควรงดบริโภคเนื้อหมูที่สุกๆ ดิบๆ ควรเลือกซื้อสินค้าจากสถานที่จำหน่ายที่เชื่อถือมีมาตรฐานรับรอง นอกจากนี้อาจจะมองหาแหล่งโปรตีนอื่นๆ ทดแทน เช่น ไข่ ปลา ไก่ เนื้อ ในเมื่อบางอย่างราคาแพงและหวังในเรื่องโปรตีน อาจจะลดปริมาณส่วนนั้นลงและไปทานโปรตีนอย่างอื่นทดแทน
ด้านนางจงกลนี วิทยารุ่งเรืองศรี ผู้ทรงคุณวุฒิแผนอาหารฯ สสส. กล่าวว่า การเลือกซื้อเนื้อสัตว์ที่เหมาะสมกับการบริโภค เช่น เนื้อหมูต้องมีสีชมพูสดถึงแดง แต่ต้องไม่แดงมาก เนื้อละเอียดไม่หยาบ กลิ่นต้องเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีกลิ่นเหม็นหืน เมื่อใช้นิ้วกดเนื้อต้องคืนตัวได้ดีไม่เกิดรอยบุ๋มตามแรงกด ไม่ควรซื้อเนื้อหมูที่มีกลิ่นคาว กลิ่นเหม็นรุนแรง หรือมีเมือกลื่น มีสีคล้ำ หรือเนื้อหมูที่สีซีดเกินไปและมีน้ำซึมไหลออกมาแสดงว่าเป็นเนื้อที่เสื่อมคุณภาพ ส่วนการเลือกเนื้อไก่ที่สดต้องสังเกตเนื้อที่มีสีชมพูเรื่อๆ ไม่มีสีแดงมาก หรือไม่ซีดเกินไปจนเป็นสีขาว เนื้อต้องไม่แฟบแบน หนังมีสีขาวอมเหลือง เต่งตึงไม่เหี่ยวย่น และสังเกตที่ภาชนะบรรจุต้องไม่มีน้ำนองออกมาซึ่งแสดงว่าไก่ยังมีความสดอยู่ ก่อนนำเนื้อหมู เนื้อไก่ ไปปรุงอาหาร ควรล้างให้สะอาดและปรุงสุก 100% ก่อนบริโภคทุกครั้ง เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคต่างๆ ที่อาจปนเปื้อนมากับเนื้อสัตว์ ที่สำคัญ ควรงดบริโภคเนื้อหมูที่สุกๆ ดิบๆ และแนะนำว่าควรเลือกซื้อสินค้าจากสถานที่จำหน่ายที่เชื่อถือได้ โดยสังเกตตราสัญลักษณ์ "ปศุสัตว์OK" ทั้งในตลาดสดและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศ