“ดิศกุล” อดีตเลขาฯ คุรุสภา ดับเครื่องชน “ก.ศึกษาฯ” เหน็บคนสิ้นความดี เมื่อเป็น “นักการเมือง” ทำกระบวนการประเมินผลงาน “มืดดำ” ใครเข้าก็โดนตีตก เหตุตั้งเกณฑ์หวังฆ่ากัน ปูดมีธงล้างบาง “เลขาฯ คุรุสภา-เลขาฯ สกสค.” สะพัด “อำนาจ-ชัยพฤกษ์” จ่อสมัครเสียบแทน
วันนี้ (23 ม.ค. 65) นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ อดีตเลขาธิการคุรุสภา ที่เพิ่งพ้นตำแหน่ง หลังถูกคณะกรรมการ (บอร์ด) คุรุสภา ที่มี น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน บอกเลิกสัญญาจ้าง เนื่องจากไม่ผ่านการประเมินผลงานและการประเมินผลสัมฤทธิ์การปฏิบัติงานของเลขาธิการคุรุสภาในรอบปีงบประมาณ 2564 ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “Disakul Kasemsawas” ในหัวข้อ “แถลงข่าวคราวเรื่องราวให้รับรู้ตามความเป็นจริง ในการประเมินตกเลขาธิการคุรุสภา” โดยระบุในช่วงต้น ว่า ตีแผ่เพื่อเป็นวิทยาทานให้ผู้คนได้เห็นปรากฏการณ์อันมาจากพฤติกรรมมนุษย์ที่มีชุดความคิดของผู้มีอำนาจ ดั่งนักปราชญ์ทางความคิดโบราณ กล่าวว่า “ความดีของมนุษย์จะสิ้นสุดเมื่อเป็นนักการเมือง”
นายดิศกุล ระบุต่อว่า เรื่องที่ปรากฏเป็นข่าวว่าตนตกการประเมินเลขาธิการคุรุสภานั้น เป็นเรื่องราวข่าวลือที่ผมทราบล่วงหน้า เมื่อมีการเปลี่ยนคณะอนุกรรมการประเมินชุดใหม่ให้มาประเมินแล้วว่ามีธงในการประเมินให้เลขาธิการคุรุสภา และเลขาธิการ สกสค. (เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา) ตก เพื่อให้บุคคลที่มีการชื่อไว้แล้วมาแทน ช่วงเวลานั้นตนก็คิดแบบสั้นๆว่าคงเป็นไปไม่ได้ในข่าวที่ได้ทราบมา ก็ตั้งหน้าตั้งตาทำงานนำพาองค์การก้าวหน้าโดยลำดับ ปรากฏผลงานเชิงประจักษ์ที่หลายท่านที่ติดตามผลงานก็คงทราบดี
“แต่สุดท้ายก็มีปรากฏการณ์ที่ข่าวลือนั้นเป็นจริงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 ให้เลขาธิการคุรุสภาตกการประเมิน ด้วยคะแนนเพียง 59% กว่าๆ จากเกณฑ์ 75%” นายดิศกุล ระบุ
อดีตเลขาธิการคุรุสภา ระบุด้วยว่า ผลการประเมินดังกล่าวบ่งบอกให้เห็นความมีเล่ห์เพทุบายที่จะสาธยายต่อไป ทำให้เรื่องนี้จะเป็นกรณีศึกษา ถามหาความหมายของธรรมาภิบาลที่นักการเมือง และข้าราชการบอร์ดบริหารจำนวนหนึ่ง และคณะอนุกรรมการประเมินองค์การเหล่านี้ ยังพอมีไหม? การที่ท่านพิจารณาหลักกฎหมายที่ขาดความเป็นมนุษย์ เป็นบาปบริสุทธิ์จากการออกหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดที่ไม่เป็นธรรม ซ้ำยังขาดความเที่ยงตรงเชิงสภาพ (Concurrent validity)
“ไม่ว่าใครในโลกใบนี้มาเป็นผู้บริหารภายใต้สถานการณ์นี้ก็ถูกประเมินตกมีประตูเดียว ด้วยเป็นการประเมินหลังจากงานเสร็จสิ้นแล้ว ค่อยออกหลักเกณฑ์มาเข่นฆ่า เลขาธิการคุรุสภาเซ็นรับการประเมินก็ตก แม้รู้ว่าเดินทางไปสู่นรกก็เดินด้วยศักดิ์ศรีเครื่องแบบราชการที่เชื่อว่า มีการขอความเป็นธรรมจากผู้บังคับบัญชาได้ แต่ก็หาได้โอกาสรับพิจารณาไม่ ถูกตีตกไปเพราะเซ็นยอมรับเกณฑ์ไปแล้ว”
นายดิศกุล ยังได้ระบุถึงกรณีที่ นายธนพร สมศรี เลขาธิการ สกสค.ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 65 ด้วยว่า เลขาธิการ สกสค. ก็อยู่สถานะเฉกเช่นเดียวกันเห็นเกณฑ์แล้ว จึงเคลื่อนไหวไม่ยอมรับเกณฑ์การประเมินอันไม่เป็นธรรม ก็จะพบชะตากรรม คือ การตกอยู่เบื้องหน้า บอร์ดก็ยังคงสามารถทำให้เลิกจ้างได้จากการไม่เข้ารับการประเมินด้วยถือกฎหมายในสัญญา สุดท้ายเลขาธิการ สกสค.ยอมสละตนเองเพื่อลาออกจึงเป็นทางออกเพื่อบูชาความเป็นธรรมให้สังคมได้จดจำ
“หวังว่า กรณีศึกษานี้จะตอกย้ำให้เรียนรู้เรื่องคุณธรรม ให้เห็นในด้านมืดดำที่ผู้บริหารระดับสูงกระทำตัวอย่างที่ไม่ดี ขอให้กรณีแบบแผนความคิดที่ใช้ประเมินเลขาธิการคุรุสภา และ เลขาธิการ สกสค. จะเป็นกรณีสุดท้ายในกระทรวงศึกษา เป็นตัวอย่างที่มีคุณค่าให้ท่านทั้งหลายที่ยังมีความดีอยู่ในหัวใจ ให้บูชาหลักวิชาการด้วยคุณธรรมที่แท้จริง” นายดิศกุล ระบุ
นายดิศกุล ยังระบุในช่วงท้ายด้วยว่า ตอนต่อไปจะเสนอตัวอย่างการขอความเป็นธรรมที่ถูกต้องตามหลักวิชาการแต่ไม่ได้รับการพิจารณา
รายงานข่าวจากกระทรวงศึกษาธิการ แจ้งว่า หลังจากที่คณะกรรมการคุรุสภาเลิกสัญญาจ้างนายดิศกุลแล้ว ก็จะเข้าสู่กระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อมาดำรงตำแหน่งแทน โดยคาดว่า จะสรรหาพร้อมกับอีก 2 หน่วยงาน คือ ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.ที่ นายอดุลย์ บุสสา เกษียณอายุราชการเมื่อเดือน ธ.ค. 64 และ เลขาธิการ สกสค. ที่ นายธนพร ประกาศลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 21 ม.ค. 65 ที่ผ่านมา แต่ในส่วนของนายธนพรตามสัญญาจ้างต้องปฏิบัติหน้าที่ไปอีก 90 วัน
รายงานข่าวแจ้งต่อว่า มีกระแสข่าวว่า ขณะนี้ผู้มีอำนาจกระทรวงได้วางตัวบุคคลที่จะเข้าสรรหาและรับตำแหน่งแทนผู้ที่พ้นตำแหน่งไว้แล้วอย่างน้อย 2 ใน 3 หน่วยงาน โดยคาดว่า นายอำนาจ วิชยานุวัติ อดีตเลขาธิการสภาการศึกษา ที่เกษียณราชการเมื่อเดือน ก.ย. 64 จะสมัครเข้าสรรหาในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการ สกสค.คาดว่า นายชัยพฤกษ์ เสรีรักษ์ อดีตปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งขณะนี้เป็นคณะทำงานฝ่ายนโยบายด้านการศึกษาของ น.ส.ตรีนุช จะสมัครเข้ารับการสรรหา อย่างไรก็ตาม นายชัยพฤกษ์ ยังคงมีประเด็นคดีทุจริตโครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ หรือ อควาเรียมทะเลสาบสงขลา วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ จ.สงขลา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) มูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่ยังไม่ยุติอยู่ในชั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และเคยถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนเกษียณอายุราชการ