ศบค.ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน ลดพื้นที่สีส้ม เหลือ 44 จังหวัด เพิ่มพื้นที่สีเหลือง 25 จังหวัด นั่งดื่มสุราในร้านอาหารได้-8 จว.ท่องเที่ยวได้ถึง 5 ทุ่ม
วันนี้ (20 ม.ค.) เมื่อเวลา 12.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงผลการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า ศบค.เห็นชอบปรับระดับของพื้นที่สถานการณ์ย่อยในพื้นที่ทั่วราชอาณาจักร ดังนี้ 1. พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (แดงเข้ม) ปรับเป็นไม่มี 2. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) ปรับเป็นไม่มี 3. พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) จากเดิม 68 จังหวัด ปรับเป็น 44 จังหวัด ประกอบด้วย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ชุมพร เชียงราย เชียงใหม่ ตรัง ตราด ตาก นครนายก นครปฐม นครราชสีมา นครศรีธรรมราช น่าน บุรีรัมย์ ประจวบคีรีขันธ์ ปราจีนบุรี พระนครศรีอยุธยา พะเยา พัทลุงเพชรบุรี มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ระนอง ระยอง ราชบุรี ลพบุรี ศรีสะเกษ สงขลา สตูล สมุทรปราการ สมุทรสงคราม สมุทรสาคร สระแก้ว สระบุรี สุราษฎร์ธานี สุรินทร์ หนองคาย อุดรธานี และ อุบลราชธานี
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า 4. พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมไม่มี ปรับ 25 จังหวัด ประกอบด้วย กำแพงเพชร ชัยนาท ชัยภูมินครพนม นครสวรรค์ นราธิวาส บึงกาฬ ปัตตานี พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ ยะลา ลำปาง ลำพูน เลย สกลนคร สิงห์บุรี สุโขทัย สุพรรณบุรี หนองบัวลำภู อ่างทอง อำนาจเจริญ อุตรดิตถ์ และ อุทัยธานี 5. พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) ไม่มี และ 6. พื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) เป็น 8 จังหวัดเหมือนเดิม ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี กระบี่ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานีพังงา และภูเก็ต ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค. 65 เป็นต้นไป
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ส่วนการปรับมาตรการผ่อนคลาย กิจการและกิจกรรม 1. สำหรับพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สีแดงเข้ม) ร้านอาหารทั้งในและนอกศูนย์การค้าห้างสรรพสินค้า หรือ สถานที่อื่นใดที่มีร้านอาหาร สามารถบริโภคในร้านได้ แต่ต้องจำกัดจำนวนลูกค้าร้าน โดยร้านที่มีเครื่องปรับอากาศ 50% และร้านไม่มีเครื่องปรับอากาศ 75% กำหนดเกณฑ์ผู้รับบริการ และผู้ให้บริการสามารถแสดงดนตรีได้ โดยมีผู้แสดงไม่เกิน 5 คนโดยต้องเว้นระยะห่าง และงดการติดต่อสัมผัสกับผู้ใช้บริการนักดนตรีจะต้องสวมหน้ากากอนามัย ทั้งนี้ สามารถเปิดให้บริการได้ตามเวลาปกติแต่ไม่เกินเวลา 22.00 น. และยังคงห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน 2. พื้นที่ควบคุมสูงสุด (สีแดง) สามารถบริโภคอาหาร ในร้านได้เปิดตามปกติแต่ไม่เกินเวลา 23.00 น.แต่ห้ามบริโภคสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน 3. พื้นที่ควบคุม (สีส้ม) สามารถบริโภคอาหารในร้านได้ตามปกติแต่ห้ามบริโภคสุรา และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน โดยให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.สามารถพิจารณากำหนดมาตรการ และเวลาเพิ่มเติมได้ ตามสถานการณ์ของพื้นที่ได้ รวมถึงสามารถจัดการประชุม จัดงานแสดงสินค้า และจัดงานอื่นๆได้ เช่น งานแต่งงาน ได้แต่ต้องไม่เกิน 1,000 คน 4. พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) และ 5. พื้นที่เฝ้าระวัง (สีเขียว) และพื้นที่นำร่องท่องเที่ยว (สีฟ้า) สามารถบริโภคอาหารในร้านได้และเปิดได้ตามปกติ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า ส่วนมาตรการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร เนื่องจากพบการระบาดในร้านอาหารที่มีการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่จำนวนมากประกอบกับมีการแจ้งจากผู้ประกอบการขอขยายเวลาบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ดังนั้น ที่ประชุมศบค.ปรับมาตรการการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านหรือสถานที่ที่มีลักษณะเดียวกันในพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) และพื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) จากเดิมบริโภคได้ถึงเวลา 21.00 น.ปรับเป็นไม่เกิน 23.00 น. แต่ต้องเป็นร้านอาหารที่ผ่าน SHA+ หรือ Thai Stop COVID 2 Plus เท่านั้น และตามมาตรการ COVID Free Setting
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการเปิดโรงเรียน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการแจ้งว่า 30,000 กว่าโรง มีการเปิดเรียนไปแล้ว 17,000 กว่าโรงเรียน ยังเหลืออีกหมื่นกว่าแห่ง ที่มีนักเรียนหลักพันไม่สามารถเปิดเรียนได้เนื่องจากมีข้อติดขัดเรื่องการเว้นระยะห่างของเด็กนักเรียนในชั้นเรียน จึงทำให้เป็นข้อจำกัด ดังนั้น ผอ.ศบค.จึงมอบหมายผอ.ศปก.หารือในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เด็กนักเรียนกลับมาเรียนในโรงเรียน เพราะถึงเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนี้ ศบค.ยังเห็นชอบปรับมาตรการป้องกันโควิด-19 สำหรับทุกพื้นที่ อาทิ ไม่ขยายเวลา work from home ให้เป็นไปตามความเหมาะสม และการพิจารณาของหน่วยงาน ทั้งนี้ ที่ประชุม ศบค.ยังเห็นชอบขยายระยะเวลาประกาศสถานกาณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 16 ที่อีก 2 เดือน หรือ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.- 31 มี.ค. 2565