“แรมโบ้” ยกผลโพล สวน “ทักษิณ” หน้าหงาย คนไทย ยังไว้ใจ “บิ๊กตู่” บริหารประเทศต่อ ส่วนทักษิณ หากรอไม่ไหว ก็รีบจองตั๋วกลับประเทศไทย มากักตัวในเรือนจำเข้าคุกได้ทันที
.
วันนี้ (19 ม.ค.) นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีทางด้าน โทนี่ วู้ดซัม หรือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมเสวนาในรายการ CARE Talk ตอน : “หมูแพง ของแพง ค่าแรงถูก” โดยนายทักษิณ กล่าวว่า สำหรับราคาหมูแพง กระทรวงพาณิชย์ ปล่อยให้ของขึ้นราคา ต้องจัดการให้เรียบร้อย ไม่ใช่ของบกลางไปซื้อแพงมาปล่อยถูก สินค้าตัวนี้ กำไรเท่าไหร่ แต่ละช่วงต้องสมเหตุสมผล หากตรงไหนมากไป เอาเปรียบก็ต้องคุย วันนี้มี 2 อย่าง คือ รู้ไม่เท่าทัน หรือ ถูกเขาทำให้โง่ ซึ่งไม่ดีทั้ง 2 อย่าง นอกจากนั้น นายทักษิณ ยังได้บอกว่า เห็นรัฐบาลแล้วอึดอัดแทน เห็นใจนายกฯ เพราะรัฐธรรมนูญทำให้ได้รัฐบาลที่มีองค์ประกอบที่แย่ ยังบอกว่าถ้าเป็นตัวเองนั้นจะไม่แก้ปัญหาด้วยเงิน แต่จะแก้ปัญหาด้วยสติปัญญา ปัญหาภายในรัฐบาล พรรคร่วม ปัญหาในการแก้ไขเหมือนไม่ได้แก้ไขอะไรเลย คนรับไม่ไหว เศรษฐกิจกับโควิด ทำให้รัฐบาลนี้เป๋ แล้วยังแก้ปัญหาไม่เป็น ช่วงท้ายนายทักษิณยังแสดงความมั่นใจว่าปีนี้ได้เลือกตั้งแน่อน เพราะสิ่งที่เป็นอยู่นั้นประชาชนไม่ทนแล้ว
ดร.เสกสกล กล่าวว่า เรื่องของแพงนั้นปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเอาใจใส่กับเรื่องนี้อย่างจริงจังมาโดยตลอด มีการเรียกเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามารายงานให้รับทราบและกำชับถึงการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การที่นายทักษิณ กล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สนใจนั้น เป็นการกล่าวหาที่หวังผลทางการเมืองเท่านั้น นายทักษิณ อยู่ต่างประเทศ ก็รู้ว่าเวลานี้ทั่วทุกมุมโลกนั้น เกิดภาวะราคาสินค้าพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างที่สหรัฐฯ เองนั้นราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้นกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่มาเลเซีย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกับไทย รัฐบาลต้องใช้เงินกว่า 5 พันล้านบาท เพื่อพยุงราคาสินค้า ไม่ให้กระทบกับผู้บริโภค เช่นเดียวกับประเทศไทย ที่มีราคาสินค้าราคาแพงขึ้น แต่ใช่ว่ารัฐบาล จะนิ่งนอนใจ ทุกภาคส่วนก็ช่วยกันในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญทุกภาคส่วนได้ลงมือทำไปแล้ว ไม่ได้ดีแต่นั่งวิจารณ์ นั่งโม้ โป้ปดอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ แบบนายทักษิณ ที่โม้รายวัน ว่าตัวเองเก่งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ แต่สุดท้ายตัวเองยังเอาตัวไม่รอด ต้องหนีคดีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ต่างประเทศ ถ้าเป็นคนเก่งจริง คงไม่ต้องหนีอยู่แบบนี้
ส่วนกรณีที่ นายทักษิณ บอกว่า จะมีการเลือกตั้งแน่ เห็นเพราะประชาชนไม่ทนต่อการบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น เห็นนายทักษิณ โม้เรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2563 จนผ่านเลยปี 2564 จนตอนนี้ ปี 2565 แล้วนายทักษิณ ก็ยังคุยเรื่องนี้ อยู่เป็นวรรคเป็นเวร ท่าทางนายทักษิณ จะแก่จริงๆ ที่ลืมทุกเรื่องที่ตัวเองพูด ว่าเคยพูดอะไรไว้บ้าง กลืนน้ำลายตัวเองไปไม่รู้กี่พันรอบแล้ว กับการคาดการเรื่องยุบสภา เลือกตั้งใหม่ สุดท้ายก็ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดสักครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกัน นายทักษิณ บอกว่า ประชาชนไม่ทนต่อรัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็อยากให้นายทักษิณนั้นกลับไปดูผลสำรวจความคิดเห็นของ สำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) ที่ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทุกสาขาอาชีพกระจายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ระหว่างวันที่ 10-15 มกราคม 2565 ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่หรือร้อยละ 82.0 ยังต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้ถือธงนำ เพราะกล้าเปลี่ยนแปลงการเมืองใหม่ การบริหารงานใหม่ๆ กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง หลุดออกจากการบริหารประเทศแบบรัฐราชการ นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ยังระบุว่า ให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ที่กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง เลือกประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ และการเกรงใจทางการเมือง นอกจากนั้นประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.9 ระบุด้วยว่า ในเวลานี้ยังไม่เห็นใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์
ดร.เสกสกล กล่าวอีกว่า ผลโพลยังชี้ให้เห็นว่า เสียงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.3 นั้น ทราบถึงการบริหารประเทศตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาของ พล.อ.ประยุทธ์ว่า นายกรัฐมนตรีกล้าที่จะออกมารับผิดชอบทุกเรื่องวิกฤตในฐานะผู้นำรัฐบาล
“นี่เป็นการพิสูจน์ ให้เห็นว่า ประชาชนยังให้การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่นายทักษิณ พยายามสร้างกระแสกดดัน วันนี้นายกรัฐมนตรีจะยังคงทำงานหนักเพื่อประชาชน ช่วยเหลือประชาชนเพื่อฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไม่ตอบโต้ทางการเมือง ไม่ว่านายทักษิณ และลิ่วล้อ จะพูดอะไรมา พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ใส่ใจ เดินหน้าทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน ปล่อยให้คนแดนไกล คอยชะเง้อ รอเวลากลับบ้านต่อไป แต่ถ้ารอไม่ไหว ก็ไปจองตั๋วเครื่องบินกลับมาได้ทันที มากักตัวอยู่ในเรือนจำ ที่ประเทศไทย ก็คงไม่มีใครว่า” ดร.เสกสกล กล่าว