"เชาว์" ชี้ ปมกัญชา กลายเป็นมายาการเมือง ชาวบ้านปลูกได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ "อนุทิน" ยัน กฎหมายยาเสพติดยังไม่ปลดล็อก กัญชา อยากให้ชาวบ้านปลูก ต้องรีบแก้กฎหมาย ออกระเบียบรองรับ อย่าโยนบาปให้เจ้าหน้าที่
วันนี้ (19 ม.ค.) นายเชาว์ มีขวด ทนายความอาสา อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ้ก เรื่อง กัญชา กับมายาการเมือง ปลูกได้หรือไม่อยู่ที่ “อนุทิน” มีเนื้อหาระบุ ว่า เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ถกเถียงกันอยู่ในสังคมเวลานี้ว่ากัญชายังคงเป็นยาเสพติดผิดกฎหมายอยู่หรือไม่ นับตั้งแต่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 3 มาตรา 4 (5) บัญญัติให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 ตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 อันเป็นวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดมีผลใช้บังคับ เรื่องนี้ถ้าอ่านกฎหมายผิวเผินอาจจะตีความว่ากัญชาถูกปลดล็อกแล้ว ต่อไปนี้ปลูกเสรีได้แล้ว ตามที่นักการเมืองพรรคที่เคยหาเสียงเรื่องกัญชาออกมาชี้นำชาวบ้าน แต่ถ้าอ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็นก็จะพบว่า กัญชายังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามพ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 มาตรา 8 บัญญัติว่า “บรรดากฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศ ที่ออกตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 และใช้บังคับอยู่ก่อนวันที่ประมวลกฎหมายยาเสพติดใช้บังคับ ให้ยังคงใช้บังคับได้ต่อไปเพียงเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับประมวลกฎหมายยาเสพติด หรือจนกว่าจะมีกฎกระทรวง ระเบียบ หรือประกาศ ที่ออกตามประมวลกฎหมายยาเสพติดหรือ พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติดใช้บังคับ”
เพราะฉะนั้นตราบใดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการ ป.ป.ส.ยังไม่ได้ออกประกาศฉบับใหม่มาบังคับใช้แทนประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2563 กัญชาก็ยังคงเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามมาตรา 29 (5) ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่
“จึงเป็นเกมส์วัดใจนายอนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ว่ามีความจริงใจที่จะผลักดันกัญชาเสรีตามที่หาเสียงไว้หรือไม่ ทำไม่ได้ก็ต้องรีบบอกให้ชัด ไม่ใช่ตีกินซื้อเวลาเอากัญชามาเป็นมายาการเมืองหลอกประชาชนเพราะเวลาประชาชนถูกจับติดคุกท่านไม่ได้ติดคุกด้วย และอย่าโทษว่าตีความกฎหมายต่างกัน เพราะท่านทำให้ชัดได้เนื่องจากเป็นเจ้ากระทรวงที่ดูแลโดยตรง ต้องตอบคำถามประชาชนด้วยว่ากัญชา 6 ต้น รอมาเกือบสามปีแล้วทำไมยังทำไม่ได้ ที่ทำได้มีแต่ต้องรวมเป็นวิสาหกิจชุมชน ภายใต้ความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย โรงพยาบาล และหน่วยงานรัฐเท่านั้นที่ทำได้อย่างถูกกฎหมาย เหตุใดไม่รีบแก้ระเบียบ กฎหมายให้ชัด เพื่อเดินหน้าตามที่ให้สัญญากับประชาชน นี่เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ที่ต้องไม่โยนบาปให้เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติเขาต้องลำบากใจ” นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย