“ชัยวุฒิ” นำ “มาดามหลี” ลุยหาเสียงหลักสี่ มั่นใจรักษาเก้าอี้ไว้ได้ มองคู่แข่งพรรคใหม่ ประชาชนไม่รู้จัก เชื่อ ปชป.ซัดเวทีใต้ ถือเป็นสีสันการเมือง ไม่กระทบความสัมพันธ์พรรคร่วม
วันนี้ (15 ม.ค.) เมื่อเวลา 08.00 น. นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.เขตหลักสี่-จตุจักร เบอร์ 7 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ช่วยเดินหาเสียง ซึ่งเช้านี้ ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดหมู่บ้านจัดสรรรถไฟ หรือตลาดสายหยุดภายในซอยวิภาวดี 25 โดยได้เดินทักทายพ่อค้า แม่ค้า ประชาชนที่มาจับจ่ายในช่วงเช้า โดยมีกองเชียร์มาทักทายพร้อมมอบกุหลาบ เพื่อให้กำลังใจในการสู้ศึกเลือกตั้งซ่อม จากนั้น เคาะประตูบ้านทักทายประชาชนในชุมร่วมพัฒนา ชุมชนเทวสุนทร ริมคลองเปรมประชากร โดยเดินแจกใบปลิว และแนะนำตัวกับประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้น
โดย นายชัยวุฒิ กล่าวถึงบรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งซ่อมหลักสี่ จตุจักร ว่า จากการลงพื้นที่ ประชาชนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และคนในพื้นที่ ประชาชนก็รู้จักนางสรัลรัศมิ์อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีทีมงานคอยช่วยเหลือประชาชนมาโดยตลอด ซึ่งชาวบ้านก็คุ้นเคย กับตัวผู้สมัครอยู่แล้ว และพรรคพลังประชารัฐเป็นพรรครัฐบาล มีผลงานในพื้นที่นี้อย่างชัดเจน อย่างสถานีรถไฟฟ้าทุ่งสองห้อง ก็เป็นอีกหนึ่งผลงานของรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้ประชาชนในพื้นที่เดินทางได้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทำให้ประชาชนรักและศรัทธาในรัฐบาลมาก เชื่อว่า คะแนนนิยมนี้จะส่งผลต่อตัวผู้สมัคร ที่จะมีการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 30 มกราคมนี้ อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ นายชัยวุฒิ มองว่า ผู้สมัครพรรคใหม่หน้าใหม่ ประชาชนยังไม่มีคนรู้จัก ไม่คุ้นเคย เชื่อว่า คงจะได้คะแนนไม่มาก ซึ่งน่าจะเป็นการแข่งขันของพรรคการเมืองหลัก คือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคฝ่ายค้าน อีกทั้งตนก็มั่นใจในคะแนนเสียงของพรรคพลังประชารัฐว่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้อย่างแน่นอน
ส่วนการปราศรัยในเวทีเลือกตั้งซ่อมภาคใต้ เป็นไปอย่างดุเดือดนั้น จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า การเลือกตั้งถือเป็นสีสัน ตามระบอบประชาธิปไตย อาจจะมีการปราศรัยที่มีข้อความกระทบกระทั่งกันบ้าง หรือฟังดูแล้วมีประเด็น แต่จริงๆ ในการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกัน การหาเสียงก็เป็นเรื่องของการหาเสียง จบแล้วก็ทำงานด้วยกัน เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย ไม่มีเรื่องส่วนตัวที่จะต้องมาโกรธแค้นเคืองกัน เพราะต้องทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก อีกทั้งรัฐบาลยังมีวาระการทำงานอีก 1 ปี จึงต้องขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอีกหลายเรื่อง มีเรื่องสำคัญที่ต้องทำไม่มีเวลามาทะเลาะกัน ขออย่าซีเรียส ย้ำว่าเป็นตามระบบประชาธิปไตย
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า กรณีที่เวทีปราศรัยระบุว่า หากหมดพลเอก ประยุทธ์ แล้ว พรรคพลังประชารัฐจะอยู่ไม่ได้นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ก็ยังไม่ถึงเวลา และตนก็คิดว่า พรรคพลังประชารัฐ ก็มีนักการเมืองและผู้บริหารหลายคน ที่ต้องมาทำงานร่วมกัน ช่วยกันทำงานต่อไป เพราะพรรคการเมืองเป็นศูนย์รวมของคนที่ตั้งใจมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชนร่วมกัน
ส่วนที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐตกเป็นเป้าในหลายเรื่องนั้น จะส่งผลกระทบต่อสนามการเลือกตั้งซ่อมหรือไม่นั้น นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะผ่านการเลือกตั้งซ่อมมาหลายครั้งแล้ว อย่างสนามจังหวัดนครศรีธรรมมราช ก็ไม่มีผลกระทบอะไร เมื่อเลือกตั้งแล้วจบก็คือจบ เราลูกผู้ชาย ระบอบประชาธิปไตยก็ต้องแข่งกันเป็นสีสัน นำเสนอความคิดและนโยบายให้กับประชาชน พร้อมย้ำว่า ทั้งหมดประชาชนได้ประโยชน์ ไม่มีอะไรเสียหาย
ด้าน นางสรัสรัศมิ์ ย้ำว่า มั่นใจ 100% เพราะจากการลงพื้นที่เขตหลักสี่ ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และมีผลงานตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ก็เป็นที่ประจักษ์กับประชาชนในพื้นที่อยู่แล้ว จึงไม่มีความกังวลใจใดๆ กับพรรคที่มาแข่งขันในครั้งนี้