นายกฯ ประชุม ศบค. สั่งเพิ่มมาตรการเพิ่มมาตรการควบคุมโควิด-19 เข้มข้นขึ้นรับมือสายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่ติดเร็วแต่อาการไม่รุนแรงนัก มั่นใจระบบ สธ.ไทยรับมือได้ ขอประชาชนอย่าตื่นตระหนก
วันนี้ (7 ม.ค.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ครั้งที่ 1/2565 โดยมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงเข้าร่วมประชุมไปพร้อมกับหน่วยงานอื่นที่ประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
โดยนายกฯกล่าวก่อนการประชุม ว่า ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ให้ความร่วมมือกันกับรัฐบาลในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา ได้จนเป็นที่ยอมรับของนานาประเทศในเรื่องการควบคุมป้องกันและแก้ปัญหาการแพร่ระบาด โดยมีระบบที่แข็งแกร่งของระบบสาธารณสุขไทย จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณที่สูงมากจากงบเงินกู้ที่เรากู้มา ซึ่งการควบคุมการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 เป็นไปได้ยาก ซึ่งทราบกันดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้เป็นเหมือนกันทั่วโลก
โดยประเทศไทยพบว่าการแพร่ระบาดมาจากนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่ง และมาจากสถานที่ในการจัดงาน การค้าขาย การท่องเที่ยวและอื่นๆ จะต้องมีความร่วมมือป้องกันการแพร่ระบาดให้มากขึ้น ซึ่งทราบดีว่าสถานการณ์ของสายพันธุ์โอมิครอนนั้นการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จากการรายงานขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ว่า มีการติดเชื้อได้รวดเร็วแต่ความรุนแรงอาจจะไม่มาก จึงขอสร้างความเข้าใจให้ประชาชนไม่ตื่นตระหนกและมีความเข้าใจในสถานการณ์
ทั้งนี้ นายกฯ ขอให้ทุกหน่วยงาน ทั้ง ศปก. ศบค. สาธารณสุข เตรียมความพร้อมรับมือทั้งเรื่องความปลอดภัย เรื่องวัคซีนและเวชภัณฑ์ยาต่างๆ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุม ศปก.ศบค.วานนี้ มีการเสนอให้ปรับระดับสีพื้นที่ พร้อมกับกำหนดมาตรการสำหรับกิจการ กิจกรรมต่างๆ เพิ่มเติม รวมถึงแนวทางการเดินทางเข้าออกประเทศด้วยให้มีความเข้มงวดและคุมป้องกันการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น โดยจะต้องกำกับไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดให้เข้าไปตรวจสอบอย่างเข้มงวด หากมีกิจการใดที่ไม่ทำตามมาตรการที่ประกาศไว้แล้วก่อให้เกิดความเสียหายเจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดทันที