“อนุดิษฐ์” ส.ส.กทม. เพื่อไทย ร่วมหารือ “ทีมสายไหมต้องรอด” เตรียมรับสถานการณ์ “โอมิครอน” หลังระบาดหนักในหลายพื้นที่ เผยหากสถานการณ์รุนแรงพร้อมเปิดศูนย์พักคอยอีกครั้ง พร้อมประสาน รพ.เด็ก รับหนูน้อยวัย 15 เดือนเข้ารักษาด่วน
วันนี้ (6 ม.ค.64) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยทีมอาสาสมัครสายไหมต้องรอด นำโดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ, ตัวแทนผู้นำชุมชน, อาสาสมัครกู้ภัยสยามรวมใจ (ปู่อินทร์) และนายจักรรัตน์ กนะกาศัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย ประชุมหารือเตรียมความพร้อม เพื่อยกระดับการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ในพื้นที่เขตสายไหม กทม. หลังพบระบาดหนักทั่ว กทม.และหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
น.อ.อนุดิษฐ์ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา เรามีการประชุมเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มาโดยตลอด โดยอาศัยความร่วมมือกับทุกองค์กรเครือข่าย ผู้นำชุมชน และกลุ่มจิตอาสา โดยมีเพจและกลุ่มอาสาสมัครสายไหมต้องรอด เป็นสื่อกลางในการปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาทีมงานจะลงพื้นที่ทุกวัน โดยแบ่งความช่วยเหลือออกเป็น 4 ภารกิจ คือ 1.จัดหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รถประชาสัมพันธ์ แจกแมส เจลล้างมือ และอาสาสมัครเคาะประตูบ้านเพื่อรณรงค์เชิงรุก, 2.ช่วยประสานจัดหาเตียง รับส่งโรงพยาบาลฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย, 3.จัดชุดตรวจเคลื่อนที่ และตรวจเชิงรุกในชุมชนที่มีกลุ่มเสี่ยง และ 4.ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบผลกระทบเศรษฐกิจ โดยมีการแจกจ่ายถุงยังชีพให้แก่พี่น้องในเขตสายไหม ซึ่งทั้งหมดเราได้ทำมาตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมา
“ที่ประชุมวันนี้ เบื้องต้นจะมีการประเมินสถานการณ์ในพื้นที่ทุกวัน หากมีแนวโน้มที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงมากขึ้น ก็พร้อมที่จะกลับมาเปิดศูนย์พักคอยเขตสายไหมอีกครั้ง” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ทีมสายไหมต้องรอด นำโดย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ได้จัดทีมอาสาสมัครลงตรวจ ATK เชิงรุกให้กับชุมชน กลุ่มเปราะบาง และกลุ่มเสี่ยงที่กลับมาจากการฉลองปีใหม่ ขอให้พี่น้องประชาชนมั่นใจ และขอให้ป้องกันตัวเองให้ดี เนื่องจากเชื้อโอมิครอนอาจติดได้ง่ายกว่าเชื้อสายพันธุ์เดลต้า และวันนี้เราจะรอรัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจกันของทุกคนในเขตสายไหมเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งจะเห็นได้ว่าสถานการณ์โควิดในเขตสายไหม เขตใกล้เคียง และปริมณฑล แม้มีการระบาดครั้งใหญ่ แต่เราก็เราสามารถยับยั้ง และป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“บางครั้งเมื่อรัฐบาลดูแลไม่ทั่วถึง ประชาชนก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันเอง อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนว่า ทีมสายไหมต้องรอด และทีมอาสาสมัครทุกทีม เราพร้อมเคียงข้างพี่น้องประชาชนในทุกวิกฤต ติดต่อเราได้ที่ เพจสายไหมต้องรอด” น.อ.อนุดิษฐ์กล่าว
ด้าน นายเอกภพ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด กล่าวเสริมว่า อยากประชาสัมพันธ์ให้ชาวสายไหม และพี่น้องประชาชนในทุกเขตได้ยกระดับการป้องกันตัวเองเชิงรุกเพิ่มเติมด้วยการไปฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 โดยหากท่านใดพ้นระยะเวลารอคอยของวัคซีนเข็มที่ 2 แล้ว อยากให้รีบติดต่อศูนย์สาธารณสุขใกล้บ้านเพื่อลงทะเบียนรับวัคซีนเข็มที่ 3 โดยเร็ว เพราะการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 จะเป็นการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สูงขึ้น เพื่อเป็นหลักประกันว่า แม้เราจะติดโควิดสายพันธุ์อะไรก็ตาม ร่างกายของเราจะมีภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับโรคร้ายในครั้งนี้ได้อย่างมั่นใจ
“ตอนนี้เคสในสายไหมเพิ่มขึ้นจนน่าตกใจ พวกเราจึงออกรณรงค์เชิงรุกสุ่มตรวจในกลุ่มเสี่ยงต่างๆ เพื่อคัดกรองผู้ป่วยเข้าสู่ระบบสาธารณสุขโดยเร็วที่สุด” นายเอกภพ ระบุ
นายเอกภพ เปิดเผยด้วยว่า โดยวันนี้ทีมสายไหมต้องรอด ต้องขอกราบขอบคุณโรงพยาบาลเด็กเป็นอย่างสูงที่ช่วยรับเคสน้องอายุ 15 เดือน ที่มีอาการป่วยหนัก เข้ารับการรักษาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากไม่ได้รับการตอบรับโดยเร็วเช่นนี้ น้องคงมีอาการทรุดหนักมากกว่านี้แน่นอน.