"บิ๊กเฒ่า" ระบุอยู่ระหว่างประเมินเสนอซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ในงบฯ66 ขอให้ใจเย็น รับมีลำที่ 1 แล้ว 2-3 ก็ต้องมา แต่ถ้าล่าช้าขยับออกไปได้ รับอยากได้แต่ต้องดูให้เหมาะสม นายกฯไม่ได้ส่งสัญญาณ โฆษกกห.ย้ำดูรายโครงการจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่
วันนี้ (6ม.ค.) พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.)กล่าวถึงกระแสข่าวกองทัพเรือชะลอการซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ว่า อยู่ระหว่างการประเมิน ขอให้ใจเย็นๆ ซึ่งยอมรับว่ามีข้อจำกัดเยอะ ซึ่งเรามีเรือดำน้ำลำที่ 1 แล้ว ดังนั้นลำที่ 2 และ 3 ก็ต้องมา แต่จะมาเมื่อไหร่ก็ต้องว่ากันไป
" ถ้าลำที่ 1 เลทออกไป ลำที่ 2 และ 3 ก็เลทได้เหมือนกัน ตอนนี้ลำที่ 1 มีข้อจำกัดเรื่องการช้ากว่าแผนจากผลของสถานการณ์ โควิด-19 ดังนั้นลำที่ 2-3 ต้องขยับออกไปได้ แต่ที่ผ่านมาขยับมาหลายปีแล้ว "
เมื่อถามว่า ในปีงบฯ 66 จะชะลอเรือดำน้ำไปก่อน หรืออยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะชะลอหรือไม่ พล.ร.อ.สมประสงค์ กล่าวว่า อยู่ในระหว่างพิจารณา ต้องดูหลายๆ อย่างประกอบกัน ถ้าถามว่าเราอยากได้หรือไม่ ก็ตอบได้ว่าเราอยากได้ แต่ก็ต้องดูให้เหมาะสม ที่เราเสนอไปแล้วถูกตีตกรวม 3 ปีงบฯทร.ถูกตัดไปกว่า 8 พันล้านฟรีๆ โดยปีแรกและปีที่สอง กว่าปีละ 3 พันล้านบาท และปีที่สามประมาณ 900 ล้านบาท ทำให้งบประมาณของ ทร.ลดลงไปเรื่อยๆ กระทบต่อแผนพัฒนากองทัพ ดังนั้นก็ต้องมาปรับ ตอนนี้ประเทศเพื่อนบ้านมีเรือดำน้ำ 2 ลำ เราก็ต้องปรับในเรื่องการหาเรือไปปราบเรือดำน้ำ ทั้งนี้นายกฯ ยังไม่ได้ส่งสัญญาณอะไรเลย อยู่ระหว่างการพิจารณาของกองทัพเรือ
ด้าน พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวในที่ประชุมสภากลาโหม ในการประชุมช่วงก่อนสิ้นปี2564 ย้ำให้เหล่าทัพจัดลำดับความเร่งด่วนที่จำเป็นในการจัดทำโครงการต่างๆ ตามยุทธศาสตร์ความมั่นคง และ แผนพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ และให้ใช้จ่ายตามกรอบวงเงินแต่ละไตรมาส ไม่ได้ลงลึกหรือพูดถึงการซื้ออาวุธรายโครงการ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของสถานการณ์โควิด19 ส่งผลกระทบต่อแผนพัฒนาประเทศในภาพรวม รวมถึงแผนพัฒนาขีดความสามารถของกองทัพ จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูเรื่องของความเร่งด่วนแต่ละโครงการ เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นอย่างเหมาะสม และอาจจะไม่ได้รับการจัดสรรตามที่มีการร้องขอทั้งหมด สำหรับการชะลอโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ออกไปเป็นปีที่ 2 นั้น ต้องดูการเสนอของ ทร.ต่อไปว่าได้จัดลำดับความสำคัญอย่างไร
ส่วนโครงการจัดเครื่องบินขับไล่เอฟ35ของกองทัพอากาศ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะเสนอเข้ามาในแผนงบฯปี 2566 ใช่หรือไม่นั้น โฆษกกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ต้องดูจากความจำเป็นเร่งด่วน ในส่วนของ ทอ.จัดหาเครื่องบินรบ และเครื่องบินฝึกเพื่อทดแทนเครื่องบินเก่าที่หมดอายุใช้งาน ไม่สามารถทำการบิน หรือป้องกันภัยทางอากาศได้ ต้องชั่งน้ำหนักดูว่าการที่ทอ.ผลิตนักบิน ต้องใช้งบประมาณ และสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพเหล่านี้ออกมา เมื่อต้องใช้เครื่องที่หมดสภาพ ไม่มีความพร้อมทางธุรการ เมื่อทำการบินก็เสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุตกได้ ไม่คุ้มกับการที่ต้องสูญเสีย ซึ่งรายละเอียด และความจำเป็นในการจัดซื้อเป็นหน้าที่ของ ทอ.ชี้แจง
“แน่นอนว่าต้องดูเป็นรายโครงการว่าอะไรจำเป็นเร่งด่วนหรือไม่ การที่ชะลอ หรือเลื่อนซื้อเรือดำน้ำ ออกมามีผลกระทบต่อขีดความสามารถในการพัฒนาด้านมิติความมั่นคงทางทะเล ซึ่งขณะนี้มีหลายมิติ โดยเฉพาะมิติใต้น้ำมีความสำคัญอย่างสูง เพื่อบ้านอาเซียนมีประจำการกันหมด แต่ด้วยปัญหาด้านงบฯ ก็ชะลอออกไปก่อนในปีนี้ แต่กองทัพเรือก็ยังคงมุ่งมั่นในการทำหน้าที่รักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และรักษาอธิปไตย ด้วยสิ่งที่มีอยู่อย่างสุดความสามารถ”โฆษกกห.กล่าว