“จงใจ”! ชาวเน็ต ฟาด “BBC ไทย” ขุด “มาดามแป้ง” รวย! ชี้เป้า 3 นิ้ว “อดีตทูตนริศโรจน์” สงสารคนรุ่นใหม่ โชว์โง่ไม่ศึกษาข้อมูล “พัลลภ” เซ็ง! พท.ปลดจากที่ปรึกษา อ้างคน ตปท.สั่ง บ่นน้อยใจ สงสัยหมดประโยชน์
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(2 ม.ค.65) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น อดีตทูตนริศโรจน์ สงสารคนรุ่นใหม่ ปัญญาต่ำ-วุฒิภาวะตื้น โชว์โง่แซะมาดามแป้งรวย! ที่แท้ “BBC ไทย” ขุดบ่อล่อ 3 นิ้ว!
โดยระบุว่า จากกรณีที่เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ทัพช้างศึก ทีมชาติไทย สามารถทวงถ้วยแชมป์เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 กลับมาครองได้อีกครั้ง สร้างความภูมิใจให้กับแฟนบอลชาวไทยเป็นอย่างมาก
ต่อมาทางเพจ บีบีซีไทย – BBC Thai ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีบัญชีทรัพย์สินของ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม โดยระบุข้อความว่า
“ช้างศึก” ทีมชาติไทย ภายใต้การนำทีม มาโน โพลกิง เทรนเนอร์เชื้อสาย บราซิล-เยอรมนี และ นวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีม สามารถคว้าแชมป์ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020″ ที่สิงคโปร์ ไปครองอย่างยิ่งใหญ่หลังเอาชนะทีมชาติอินโดนีเซียในนัดชิงชนะเลิศ ด้วยประตูรวม 6 ต่อ 2 เมื่อ 1 ม.ค.
สองวันก่อนการเตะนัดที่ 2 ของรอบชิงชนะเลิศ นวลพรรณ ประกาศว่า จะอำนวยความสะดวกให้ทีมฟุตบอลทีมชาติไทยทุกคน ด้วยการเช่าเหมาลำเครื่องบิน หลังนักเตะ และทีมงานทุกคนทำงานหนักตลอด 1 เดือน ที่ประเทศสิงคโปร์
หลายคนอยากรู้ถึงความมั่งคั่งของนักธุรกิจหญิงวัย 55 ปีผู้นี้ บีบีซีไทยชวนย้อนอ่านบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของเธอและคู่สมรสของเธอ คือ พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ ผู้เกษียณอายุราชการในตำแหน่งอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เมื่อ 30 ก.ย. 63 เป็นรายการที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ นำมาเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อ ม.ค. ปีที่แล้ว
หลังจากที่ได้มีการเผยแพร่โพสต์ดังกล่าวออกไป ทำให้ชาวเน็ตเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก เช่น เดี๋ยวนะ เขาแค่เป็นนักธุรกิจ ที่ชื่นชอบกีฬาฟุตบอล ช่วยฟุตบอล ทีมชาติไทย ก็แค่นั้น ของที่จะมี สิ่งของมูลค่าแพงๆ ก็ไม่แปลกป่ะ จะสื่ออะไรจะตรวจสอบเขาหรอ บางทีสื่อนี่เสี้ยมจริงๆ
และยังมีชาวเน็ตในทวิตเตอร์พูดถึงอีกว่า “มาดามแป้งน่าจะฟ้องได้นะเจตนาทำให้คนอื่นเข้าใจผิด มาแจกแจงทรัพย์สินอะไรตอนนี้?? ไม่ได้เป็นข้าราชการไม่ได้เป็นนักการเมือง เค้ารวยมาตั้งแต่เกิดกอง บก.BBCไทยอาจจะอิจฉามากไปแต่ทำแบบนี้มันไม่สวยนะ #มาดามแป้ง”
ล่าสุด นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล อดีตเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวว่า
เด็กสมัยนี้ มั่นหน้า มั่นใจ ตัวเองมากโดยไม่ขวนขวายหาข้อมูลก่อนแสดงความเห็น ทำให้เห็นถึงวุฒิปัญญา และวุฒิภาวะที่แสนจะตื้นเขิน ดูได้จากเม้นท์จำนวนมากที่ไปตั้งคำถามว่า “มาดามแป้ง” ผจก.ทีมชาติไทยว่ารวยมาได้อย่างไร ทำไมถึงมีทรัพย์สินมากขนาดนั้น
บางคนถึงกับถามว่าทำไมมาดามแป้งมีกระเป๋า Hèrmes เยอะ ! น้องเค้าคงไม่รู้ว่า มาดามแป้ง มาจากตระกูล “ล่ำซำ” และเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ผลิตภัณฑ์กระเป๋า Hèrmes แต่เพียงผู้เดียวในไทย
ทั้งนี้ อดีตท่านทูตยังได้แชร์ข้อความของชาวเน็ตรายหนึ่งที่ได้โพสต์ข้อความว่า “BBC Thai ควรไปขุดที่มาของเงินหลายๆ ล้าน ในบัญชีแกนนำสามกีบดีกว่า เพราะยังเรียนไม่จบสักคน แต่รายรับพุ่งพรวดใน 2 ปีเท่านั้น น่าขุดคุ้ยกว่าตั้งเยอะ”
สำหรับ นวลพรรณ ล่ำซำ หรือมาดามแป้ง กรรมการผู้จัดการบริษัทเมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรรมการอิสระ บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) ประธานสโมสรฟุตบอลการท่าเรือในไทยลีก ผู้จัดการฟุตบอลทีมชาติไทย อดีตที่ปรึกษาประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อดีตผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษาผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (อภิรักษ์ โกษะโยธิน) และอดีตผู้จัดการฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของบัณฑูร ล่ำซำ ผู้บริหารธนาคารกสิกรไทย
นอกจากเป็นผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจประกันภัยของตระกูล นวลพรรณยังเปิดกิจการของตัวเอง นำเข้าสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมหลายแบรนด์ ผ่านทางบริษัท วรรณมานี จำกัด และบริษัท ซังออนอเร่ (กรุงเทพ) จำกัด เริ่มจากแบรนด์แรก คือ แอร์เมส (Hermes) จนมีมากมายหลายแบรนด์ในปัจจุบัน
ต่อมาปลายปี พ.ศ. 2549 นวลพรรณเข้าสู่วงการเมืองในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งโพธิพงษ์ ล่ำซำ ผู้เป็นบิดา เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค
ต่อมาในปี 2557 นวลพรรณสมรสกับ พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง อดีตอธิบดีกรมราชทัณฑ์ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม อดีตอธิบดีกรมคุมประพฤติ อดีตอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ อดีตรองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และอดีตสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ
ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็นพัลลภ เซ็ง! พท.ปลด ไม่บอกสักคำ อ้างคำสั่งคน ตปท. ย้อนบินหาทักษิณได้รองเท้ากอล์ฟคู่เดียว
เนื้อหาระบุว่า จากที่วันนี้ 2 มกราคม 2565 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตนายทหารยังเติร์ก แกนนำ จปร.7 ได้ออกมาปรากฏตัว พร้อมคำพูดสำคัญเกี่ยวกับสถานะของตนเองในพรรคเพื่อไทย จนเป็นที่ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากนั้น
ทั้งนี้พล.อ.พัลลภ กล่าวบางช่วงที่สำคัญว่า ยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ทางการเมืองอย่างใกล้ชิด แม้จะอายุ 83 จะ 84 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังแข็งแรง เพราะดูแลสุขภาพ ออกกำลังกาย เลือกทานอาหาร และเป็นทหารที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่
ตนตั้งใจไปประชุมพรรคเพื่อไทยเมื่อ 28 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ที่ ขอนแก่น เพราะตนเป็นที่ปรึกษาพรรค และผู้ร่วมก่อตั้งพรรคมา แต่ปรากฏว่าไม่มีชื่อเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยอีกต่อไปแล้ว เพราะโดนลบชื่อออกจากพรรค เลยไม่ได้ร่วมประชุม ตนน้อยใจมาก จะเอาชื่อออกก็ควรจะบอกกันสักคำ ตนพร้อมเข้าใจว่าจะปรับโครงสร้างพรรค ปรับภาพลักษณ์พรรค แต่ควรบอกกันหน่อย
จึงได้โทรศัพท์ไปถามแกนนำพรรคถึงเหตุผล เขาก็โบ้ยไปที่คนที่อยู่ต่างประเทศ ผมก็แปลกใจว่าทำไม จะเห็นได้ว่าเอาชื่อทหารในพรรคออกหมด มีแต่ตำรวจ ผมก็น้อยใจทำไม ไม่บอกกันสักคำ ผมก็อุตส่าห์ไปขอนแก่น เพื่อไปประชุม แต่กลับไม่มีชื่อ หรือ เขาอาจจะเห็นว่า เราแก่แล้ว ไม่มีประโยชน์ มีไว้ก็ไม่ได้ปรึกษา หรือเปล่า แต่อย่าลืมว่า Old Soldier never dies ที่ตอนนี้กำลังสู้กับ 3 ป. ที่เป็นทหารเก่า และคิดแบบทหารการเมือง และมีเครือข่ายโยงใยกับทหาร ถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง แล้วได้เป็นรัฐบาลขึ้นมา จะไม่เอาทหาร มาช่วยงานเลยหรือ จะให้มีนายกฯ หญิง ควบ รมว.กลาโหมอีกหรือไม่ แล้วก็โดนรัฐประหารอีก” พล.อ.พัลลภ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.พัลลภ ยังกล่าวอีกว่า ไม่ใช่ว่าตนอยากเป็น รมว.กลาโหม แต่เพราะเป็นห่วงว่า ไม่เอาทหาร มาช่วยงานพรรคเลย เอาทหารออกหมดอย่างนี้ น่าน้อยใจ ช่วยพรรคเพื่อไทยมาเยอะตั้งแต่ก่อตั้งพรรคมา จะเอาออกก็ควรบอกก่อน
จากนี้ก็คงจะกลับมาอยู่บ้าน ไม่ต้องทำงานการเมืองแล้ว ไม่ต้องทำอะไร แต่คอยเฝ้ามองอยู่ห่างๆ ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ตนกับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็รู้จักสนิทสนมกันดี สมัยก่อน เวลามีปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือก็ไปช่วยอย่าลืมนะว่า Old Soldier never dies
อย่างไรก็ตามกรณีที่มีการอ้างถึงคนอยู่ต่างประเทศ ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่ทางทีมข่าวเดอะทรูธ จะพาย้อนกลับไปครั้งหนึ่งที่พล.อ.พัลลภ เคยเดินทางไปต่างประเทศ โดยพบว่าเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2553 พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามว่า ได้คุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่
โดยขณะนั้น พล.อ.พัลลภ กล่าวว่า ได้คุยล่าสุดในช่วงที่ พ.ต.ท.ทักษิณไปกัมพูชา ท่านโทรมาบอกว่า “พี่ มันจะเอาเอฟ 16 เล่นผม ส่วนเรื่องคดียึดทรัพย์ท่านก็คงรอดู แต่เชื่อว่าท่านคงไม่เครียดแต่คงมีความรู้สึกเฮิร์ทนิดหน่อย เพราะเป็นเงินที่ท่านหามา
“แต่เรื่องที่มีการมองว่ากลุ่มเสื้อแดงเร่งปิดเกมหรือแตกหัก คงไม่ได้มีการแตกหักในปีนี้ เรื่องนี้ไม่อยู่ที่พ.ต.ท.ทักษิณฝ่ายเดียว ถ้าถามผมเรื่องการเคลื่อนไหวผมไม่ทราบว่าท่านใช้เงินของท่านเคลื่อนไหวหรือเปล่า เพราะผมไปหาท่านที่ดูไบ 2 ครั้ง ได้รองเท้ากอล์ฟมาคู่เดียว แล้วก็มามีข่าวว่าผมได้เงิน 6 พันล้านจาการไปช่วยเลือกตั้งซ่อมที่มหาสารคาม” พล.อ.พัลลภ กล่าว
แน่นอน, ประเด็น “BBC ไทย” เห็นได้ชัดว่า การนำเอาความสำเร็จ มาโยงกับข้อมูลของ ป.ป.ช.ที่เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินนั้น มันดู “จงใจ” มากเกินไป เพราะไม่ได้อยู่ในกระแสแต่อย่างใด หรือ ถ้าจะหยิบยกมานำเสนอ เพราะมีการทุ่มกับทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ก็ไม่จำเป็นที่จะไปแจกแจงขนาดนั้น แค่บอกว่า รวย จ่ายแค่นี้ ขนหน้าแข้งไม่ร่วง ก็รู้เรื่องแล้ว
แต่ที่น่าสังเกต ว่าทำไม “BBC ไทย” จึงหยิบเรื่องนี้มาเล่น อาจเป็นเพราะว่า พันตำรวจเอก ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองเลขาธิการพระราชวัง สามีของ “มาดามแป้ง” นั่นเอง
อย่าลืมว่า “BBC ไทย” กับม็อบ 3 นิ้ว และขบวนการสนับสนุนม็อบ 3 นิ้ว มีทิศทางการเคลื่อนไหวไปในแนวทางเดียวกัน และถ้าสังเกตให้ดี มีการรับส่งลูกกันไปมาอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวโยงกับ “สถาบันฯ” ซึ่งเรื่องนี้ อาจเป็นเพราะ “สามี” ของ “มาดามแป้ง” มีตำแหน่งที่เกี่ยวโยงกับสถาบันฯหรือไม่?
ส่วนประเด็นของ พล.อ.พัลลภ นี่คือ กรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า คนที่อยู่ต่างประเทศของพรรคเพื่อไทย นิสัยใจคอเป็นอย่างไร เมื่อมีประโยชน์ ก็โอ๋ ก็อุ้ม หมดประโยชน์เมื่อไหร่ ก็เขี่ยทิ้งอย่างไม่ปรานีปราศรัย ก็ลองคิดดูว่า คนประเภทนี้ จริงใจกับใครเป็นหรือไม่ แม้แต่ประชาชน?
เหนืออื่นใด นี่คือ ภาพสะท้อนของนักธุรกิจการเมือง ที่ผลประโยชน์ทางการเมือง ย่อมมาก่อนเรื่องอื่นใด พล.อ.พัลลภ น่าจะซาบซึ้งดีทีเดียว!?