เมืองไทย 360 องศา
ยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วว่า “โควิด” สายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่กลายพันธุ์ล่าสุด และระบาดอยู่ทั่วโลกในเวลานี้ กำลังแพร่เชื้อกระจายลุกลามเข้ามาในประเทศไทย จากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุข ระบุชัดแล้วว่าเชื้อดังกล่าวกำลังแพร่กระจายทั่วประเทศไทยแล้ว และมีรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อตัวนี้เกือบพันรายแล้ว แม้ว่าสายพันธุ์ที่ระบาดหลักในไทยยังเป็นเชื้อ “เดลต้า” อยู่ก็ตาม
ขณะเดียวกันตามรายงานทั้งจากองค์การอนามัยโลก และหน่วยงานด้านสาธารณสุขในหลายประเทศ รวมทั้งของไทยต่างรายงานข้อมูลตรงกันว่า เชื้อกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ตัวนี้จะแพร่เชื้อได้อย่างรวดเร็ว และติดเชื้อได้ง่ายมากกว่าเดิมหลายเท่าก็ตาม แต่ส่วนใหญ่มีอาการเพียงเล็กน้อย หรือไม่มีอาการซึ่งถือว่าไม่เป็นข่าวร้ายจนเกินไปนัก
สำหรับประเทศไทยเวลานี้ได้มีคำเตือนออกมาอย่างเป็นทางการแล้ว ให้มีการเตรียมรับมืออย่างเข้มงวด โดยเฉพาะหลังจากผ่านช่วงเทศกาลไปใหม่ไปแล้ว
โดยนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนได้ฝากย้ำเตือนว่า แม้จะเป็นช่วงวันหยุดยาว ขอให้ทุกคนอย่าประมาท การ์ดกย่าตก เพราะไทยยังอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับ VUCA (Vaccine, UP; Universal Prevention, COVID Free Setting, ATK) โดยเน้นการสวมหน้ากากอนามัย โดยเฉพาะอยากขอความร่วมมือ เชิญชวนนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศรวมทั้งที่พำนักในประเทศไทย ร่วมปฏิบัติตนตามมาตรการอนามัยส่วนบุคคล และสวมใส่หน้ากากผ้า/หน้ากากอนามัย ตลอดเวลา
นายธนกร กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังกำชับไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ต้องคุมเข้ม ติดตามผู้ได้รับอนุญาตจัดงาน เจ้าของสถานประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร สถานบันเทิง ที่จะเปิดให้บริการช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ต้องดำเนินมาตรการในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) COVID Free Setting อย่างเข้มข้น
โดยเฉพาะการปฏิบัติตนตามมาตรการอย่างเข้มงวด เมื่อเข้าไปในสถานบันเทิง สถานที่แออัด ร้านอาหารที่มีระบบระบายอากาศไม่ดี เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนสูงมาก ที่สำคัญ สถานบริการอาจถูกปิดกิจการได้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข จัดประชุมประเมินสถานการณ์การระบาดหลังหยุดเทศกาลปีใหม่ผ่านไป 15 วันอีกครั้ง หากพบจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูง อาจนำเข้าสู่ที่ประชุม ศบค. เพื่อพิจารณาปรับแนวทางและเพิ่มมาตรการป้องกันอื่น ๆ ได้อีก
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้มีหนังสือด่วนที่สุด ที่ สธ 0100.3/5027 ลงวันที่ 27 ธันวาคม 2564 เรื่อง ข้อสั่งการของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เรียน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข โดยมีเนื้อหาว่า
จากแนวโน้มของสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) ในประเทศไทย ในขณะนี้ พบว่ามีแนวโน้มจํานวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ที่ประชาชนจะมีการจัดงานตามประเพณีท้องถิ่นและทางศาสนา งานเลี้ยงสังสรรค์ รวมถึงการท่องเที่ยว ซึ่งจะมีการรวมกลุ่มบุคคลเป็นจํานวนมาก
ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องกันการเกิด การแพร่ระบาดระลอกใหม่ลดอัตราการแพร่เชื้อและอัตราการเสียชีวิต
ด้วยความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว จึงขอให้ท่านได้สั่งการไปยังทุกหน่วยงานของกระทรวง สาธารณสุขติดตามสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน (Omicron) อย่างใกล้ชิด โดยขอให้ทุกหน่วยงานเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามแนวทางการเฝ้าระวังการป้องกันการแพร่ระบาด ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อย่างเคร่งครัด และสร้างการรับรู้มาตรการสําคัญของทางราชการอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งดําเนินการประชาสัมพันธ์เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่เข้ารับการฉีดวัคซีนโดยอํานวยความสะดวกให้กับ ประชาชนด้วย
จากการเคลื่อนไหวและการออกคำเตือนดังกล่าวเป็นการตระหนักชัดแล้วว่า หลังจากผ่านพ้นช่วงฉลองเทศกาลปีใหม่ เราจะต้องเจอกับการแพร่ระบาดแบบเต็มขั้นกับเชื้อกลายพันธุ์ “โอมิครอน” อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าจะอยู่ในระดับมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการระมัดระวังของพี่น้องประชาชนเองว่า จะ “ประมาท” หรือ “การ์ดตก” กันหรือไม่
แต่ขณะเดียวกันฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะ “ศุนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานได้เตรียมมีการประเมินสถานการณ์อีกครั้งในช่วง 15 วันหลังเทศกาลปีใหม่
และมีการส่งสัญญาณกันล่วงหน้าแล้วว่า หากสถานการณ์การติดเชื้อเลวร้ายลงก็จะมีการ “ปรับมาตรการให้เข้มงวด” มากกว่าเดิมอีก ขณะเดียวกันยังมีการสั่งการให้เตรียมพร้อมรับเหตุการณ์ ทั้งในเรื่องโรงพยาบาล บุคลากร เครื่องมือแพทย์ รองรับสถานการณ์ฉุกเฉินเอาไว้ให้พร้อม
แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดในทั่วโลกทุกภูมิภาคจะเห็นว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นแบบ “ก้าวกระโดด” เช่น ในแถบยุโรปและอเมริกา รวมไปถึงในแถบเอเซีย และอาเซียนที่พบผู้ติดเชื้อ โอมิครอน เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมไปถึงประเทศไทยที่ตัวเลขเพิ่มขึ้นนับพันคนแล้ว
ดังนั้นหากพิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่และแนวโน้มในอีกไม่นานข้างหน้า เชื่อว่าสายพันธุ์ “โอมิครอน” จะต้องระบาดในประเทศไทยค่อนข้างแน่ เพียงแต่ว่าจะเข้าขั้นเลวร้ายหรือไม่ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องคนไทยทุกคนว่าจะมีความประมาทมากน้อยแค่ไหน หาก “การ์ดไม่ตก” ปฏิบัติตามคำแนะนำตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ทุกอย่างก็ยังไปได้ “แบบสมดุล”แบบที่เป็นอยู่ นั่นคือ อยู่กับโรคตามแบบ “วิถีใหม่” ทำให้เศรษฐกิจยังพอเดินไปได้ แต่หากทุกอย่างออกมาตรงกันข้าม มันก็อาจจะย้อนกลับไปที่เดิม เป็นหายนะรอบใหม่ที่เชื่อว่าคราวนี้เกินจะรับมือไหวแล้ว
แต่ถึงอย่างไรหวังว่าคนไทยทุกคนน่าจะสรุปบทเรียนกันอย่างดีว่าจะต้องทำตัวอย่างไร เพื่อป้องกันหายนะ !!