กระทรวง พม. เปิดตัวของขวัญปีใหม่ 2565 เดินหน้าสร้างอาชีพใหม่หลังโควิด-19 “การเคหะแห่งชาติ” จัดเต็มมอบของขวัญ 3 ชิ้น ให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชน มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย และกลุ่มเปราะบาง มีรายได้ และอาชีพที่มั่นคง
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธานการแถลงข่าวของขวัญปีใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชนปี 2565 โดยกล่าวว่า ในปี 2565 นี้พม. คิดนอกกรอบคือการสร้างอาชีพหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เพื่อพลิกโฉมประเทศไทย ช่วยคนที่ฟื้นตัวจากโควิดให้มีรายได้ มีอาชีพที่ยั่งยืน เพื่อให้ประเทศและเศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ หลังจากนี้โลกจะเปลี่ยนไปในเรื่องของ
การงาน อาชีพ และเทคโนโลยี ดังนั้นจึงจำเป็นต้องสร้างอาชีพใหม่ๆ ให้กับประชาชนทุกช่วงวัยให้สามารถมีอาชีพที่ช่วยเหลือตัวเองได้ โดยของขวัญปีใหม่ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำหรับประชาชน สำหรับปี 2565 หน่วยงานต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวง พม. จะสามารถทำให้ประชาชนมีอาชีพได้มากถึง 34,112 ราย
ด้านนายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า ขวัญปีใหม่ 2565 ของการเคหะแห่งชาติที่ร่วมมอบ ให้กับประชาชนในนามกระทรวง พม. ประกอบด้วยชิ้นที่ 1 สร้างอาชีพ “ช่างชุมชน” ให้ผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ เป็นอาชีพที่น่าสนใจ และมีประโยชน์กับผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติเป็นอย่างมาก แนวทางจะมีการเปิดอบรมหลักสูตร “ช่างชุมชน” โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้อยู่อาศัยในชุมชนของการเคหะแห่งชาติ ทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล รับหลักสูตรละ 250 คน รวม 1,000 คน ใช้เวลาอบรมประมาณ 5 วันต่อหลักสูตร โดยหลักสูตรที่เปิดมี 4 หลักสูตร ได้แก่ 1. ช่างล้างและบำรุงเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน อบรมความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า, หลักการทำงานของเครื่องปรับอากาศในบ้าน, การใช้เครื่องมือ อุปกรณ์สำหรับงานล้างและบำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศในบ้าน ฯลฯ 2. ช่างซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้า อบรมความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้าเทคโนโลยีเครื่องมือวัดทางไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้พลังงานความร้อน และเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภทให้พลังงานกล
3. ช่างบำรุงรักษาจักรยานยนต์ อบรมเกี่ยวกับการบำรุงรักษาระบบน้ำมันเชื้อเพลิง และประจุไอดีและคายไอเสีย การบำรุงรักษาระบบส่งกำลัง ฯลฯ 4. ช่างเดินท่อและติดตั้งสุขภัณฑ์อบรมเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือ เครื่องจักร การประมาณราคางานประปา การต่อท่อ ระบบการจ่ายส่งน้ำร้อน ฯลฯ
“ช่างชุมชนทั้ง 4 หลักสูตร จะสามารถสร้างรายได้ต่อครั้งไม่น้อยกว่า 300 บาท ในการรับบริการให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการของตนเอง และต่อยอดไปถึงการรับงานจากภายนอกชุมชน ยิ่งถ้ามีการพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่องก็จะสามารถทำเป็นอาชีพหลักได้ ซึ่งจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีรายได้ที่มั่นคง สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้อย่างยั่งยืน” นายทวีพงษ์ กล่าว
ส่วนของขวัญชิ้นที่ 2 “นักประเมินมูลค่าทรัพย์สินมืออาชีพรุ่นใหม่” เป็นอีกหนึ่งอาชีพที่น่าสนใจมาก โดยการเคหะแห่งชาติ มีโครงการที่จะสร้างนักประเมินทรัพย์สินมืออาชีพรุ่นใหม่ จำนวน 4 รุ่น ๆ ละ 250 คน รวม 1,000 คน กิจกรรมของโครงการนี้ ประกอบด้วย การอบรมพัฒนาทักษะวิธีการประเมินทรัพย์สิน ด้วยระบบออนไลน์ โดยการเคหะแห่งชาติร่วมกับสมาคมผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย และสมาคมนักประเมินอิสระไทย มีหลักสูตรเนื้อหาเข้มข้นหลักสูตร 4 วิธีการประเมินระดับสากล ประกอบด้วย 1. วิธีเปรียบเทียบตลาด 2. วิธีคิดจากต้นทุน 3. วิธีพิจารณาจากรายได้ และ4. วิธีคำนวณมูลค่าคงเหลือสุทธิ
สำหรับกลุ่มเป้าหมายของหลักสูตร คือผู้อยู่อาศัยในโครงการของการเคหะแห่งชาติ ที่ต้องการเป็นผู้ประเมินหลัก รวมถึงประชาชนทั่วไปที่ต้องการทำงานในสายอาชีพนักประเมิน นายหน้าอาชีพ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้เข้าอบรมจะได้รับองค์ความรู้เรื่องการประเมินทรัพย์สิน ทั้งของตนเองและของผู้อยู่อาศัยคนอื่น ๆ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมการประเมินทรัพย์สิน ตาม พรบ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งสามารถสอบเป็นนักประเมินทรัพย์สิน หากสอบผ่านจะสามารถประกอบอาชีพนักประเมินได้อีกด้วยของขวัญชิ้นที่ 3 “บ้านเช่าพร้อมอาชีพในโครงการบ้านเคหะสุขประชา” คือ อาชีพที่จะเกิดขึ้นในโครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุงและร่มเกล้าสำหรับประชาชน จำนวน 572 ครัวเรือน ได้แก่ โครงการบ้านสุขประชาฉลองกรุง จะมีการจัดทำตลาดสด 302 แผง พื้นที่ 6.09 ไร่ กำหนดอัตราค่าเช่า 100 บาท/แผง/วัน พร้อมทั้งจัดอบรมให้ความรู้วิธีการค้าขาย และโดยจัดให้มีการอบรมให้ความรู้วิธีการค้าขาย รวมทั้งจัดหาแหล่งเงินทุนในการค้าขาย และหากผู้อยู่อาศัยต้องการประกอบอาชีพอื่น ๆ ภายในโครงการ เช่น งานบริการอื่น ๆ สามารถดำเนินการได้ตามต้องการ และโครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า จะมีการจัดทำศูนย์การค้าขนาดเล็ พื้นที่ 10 ไร่ ภายในศูนย์การค้า กำหนดอัตราค่าเช่า วันละ 200 บาทต่อล็อค (ขนาด 2×2 ตร.ม.) ซึ่งแบ่งพื้นที่ออกเป็น ตลาด ร้านอาหารและ ซุปเปอร์มาร์เก็ตพื้นที่กิจกรรมชุมชน สำนักงาน และที่จอดรถ นอกจากนี้ยังมีอาชีพพนักงานบริการภายในศูนย์การค้า กำหนดรายได้ตามอัตราค่าแรงขั้นต่ำตามที่กระทรวงแรงงานกำหนด