โฆษก กห. เผย เหตุเครื่องบินรบเมียนมา บอมบ์ฐานกะเหรี่ยง พบผู้หนีภัยไหลเข้าไทย 200 คน รวมยอด 3,117 คน เชื่อเหตุการณ์ที่เกิดไม่กระทบความสัมพันธ์
วันนี้ (24 ธ.ค.) เมื่อเวลา 16.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงผลกระทบจากสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนฝั่งเมียนมา หลังมีการใช้เครื่องบินรบโจมตีฐานที่มั่นชนกลุ่มน้อย ว่า เป็นตามที่กระทรวงกลาโหมเป็นห่วงเรื่องความรุนแรงของสถานการณ์หลังช่วงฤดูฝน ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการปฏิบัติการทางอากาศด้วยการใช้เครื่องบิน มิกซ์-29 โจมตีฐานที่มั่นกะเหรี่ยงเคเอ็นแอลเอ และเคเอ็นยู ทำให้มีผู้อพยพหนีภัยจากการสู้รบมา 200 กว่าคน ที่เข้ามายังศูนย์พักพิงผู้หนีภัยจากการพื้นที่บ้านแม่ตาว ฝั่งตรงข้าม อ.เมียวดี 3,117 คน ซึ่งไทยดูแลตามหลักมนุษยธรรม
พล.อ.คงชีพ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่นิ่ง เนื่องจากมีผู้หลบภัยเดินทางกลับไปฝั่งเมียนมาในช่วงสถานการณ์สงบบ้างแล้ว ซึ่งการเดินทางกลับไป เราต้องพิจารณาในเรื่องของความปลอดภัยและความสมัครใจเป็นหลัก ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้อย่างเต็มที่ พร้อมเชื่อมั่นว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์กับไทย เนื่องจากมีกลไกของคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น (ทีบีซี) ประสานงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล แจ้งข่าวสาร มีเป็นการปฏิบัติตามลำดับขั้น ที่ผ่านมา มีการใช้อาวุธหนักหรืออาวุธวิถีโค้งตกเข้ามาฝั่งไทย เราก็ใช้กระสุนควันยิงเตือนกลับไป ส่วนเครื่องบินรบที่ปฎิบัติการฝั่งเมียนมา ก็อยู่ไกลจากชายแดนไทย 45 กิโลเมตร อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า หลังจากเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งสถานการณ์จะเพลาลง และหยุดลง สิ่งที่ได้เน้นย้ำคือลงคือการคัดกรองในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเข้มข้นลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดโควิด-19 พร้อมขอความร่วมมือไม่ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าไปเพื่อลดความเสี่ยงด้วย