ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ชัชชาติ” คนเดียวยังลิ่ว มี “ดร.โจ” มาช่วย คู่แข่งเหนื่อยขึ้นไปอีกงานนี้
ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่แม้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะส่งสัญญาณว่า โอกาสจะได้เลือกกันต้องรอไปกลางปีหน้า แต่บรรดาผู้สมัครอิสระ และพรรคการเมืองที่ต้องการห้ำหั่นกันในศึกครั้งนี้ ต่างเคลื่อนไหวกันคึกคัก
หลังจากพรรคประชาธิปัตย์ เปิดตัว “พี่เอ้” ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดี สจล. ไปอย่างครึกโครม พร้อมกับกระแสปลุกผี ปชป. แม้จะถูกรับน้องไปเบาๆ ด้วยฉายา “เอ้-ไอน์สไตน์” แต่ก็ต้องยอมรับสไตล์ของ “พี่เอ้” กับ สโลแกน “กรุงเทพฯเปลี่ยนได้” นั้น นอกจากทำให้ในบรรดาแม่ยก ปชป.ดูจะมีความหวังแล้ว ยังทำให้ในบรรดาของคู่แข่ง “บุรุษผู้แข็งแกร่งสุดในปฐพี” ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ค่อยมีความหมายดูท้าทาย ขึ้นมาอีกนิด
แน่นอนว่า เช็กเรตติ้งของโพลทุกสำนักยังให้ “ชัชชาติ” เป็นตัวเก็งนำโด่งมาเหนือคู่แข่ง เจ้าล่าสุด สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของคนกรุงเทพฯ หลัง “พี่เอ้” เปิดตัว ว่าที่ผู้สมัคร ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” ร้อยละ 56.72 รองลงมาตามมาห่างๆ คือ “ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” ร้อยละ 29.60
กระนั้นก็ดี เวลายังมีเหลืออีกมาก ที่จะทำให้คู่แข่งขันทำคะแนน “ตัวเก็ง” อย่าง “ชัชชาติ” ก็ไม่อยู่นิ่งให้คู่แข่งโกยคะแนนเข้าใกล้ ว่าแล้วระหว่างลงพื้นที่หาเสียง สำรวจปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ชายทะเลบางขุนเทียน ก็เปิดตัว “ดร.โจ” พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. จาก “กลุ่มมดงาน” นั่นเอง โดยจะเป็นหนึ่งในคณะทำงานสู้ศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งนี้
“ชัชชาติ” หยอดคำหวาน ได้ “ดร.โจ” มาช่วยจาก “มดงาน” งานนี้ต้องขอเป็น “ช้างงาน” แล้ว!!
“ดร.โจ” พิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม. วันนี้อายุ 75 ปีแล้ว เป็นทายาทของ “พิชัย รัตตกุล” และ คุณหญิงจรวย รัตตกุล เคยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.มา 3 ครั้ง ครั้งแรกพ่ายให้แก่ ร.อ.กฤษฎา อรุณวงศ์ ณ อยุธยา พอมาครั้งที่ 2 จึงได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้ว่าฯ กทม.เมื่อวันที่ 2 มิ.ย. 39 ด้วยคะแนน 768,994 คะแนน ในชื่อของกลุ่มมดงาน
“ดร.พิจิตต” มีภาพลักษณ์ของนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งปี 52 “ดร.โจ” ยังได้ช่วย “ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร” ผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงด้วย จึงมีภาพของพรรคประชาธิปัตย์ ติดตัวมา
เมื่อ “ชัชชาติ” เปิดตัว “ดร.โจ” เป็นทีมงาน งานนี้จึงถูกตั้งคำถามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า ที่ดึง “ดร.โจ” มาจะเป็นการดึงฐานเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์มาด้วย หรือไม่
“ชัชชาติ” บอกปัดทันควัน ว่า ไม่อยากให้คิดเรื่องฐานเสียง แต่เห็นว่า “ดร.โจ” เป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ จึงอยากขอความรู้ สิ่งใดที่ทำมาแล้วดีก็สานต่อ แต่สิ่งใดไม่ดี ก็จะแก้ไขปรับปรุง อีกอย่าง ตัวเองตัดสินใจลงเลือกตั้งในนามอิสระ จะทำให้มีความคล่องตัวในการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ และสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เข้าร่วมงานโดยไม่ต้องคำนึงถึงความขัดแย้งในแง่ของพรรคการเมือง คนที่มาช่วยก็สบายใจขึ้น ถ้ายังอยู่เป็นพรรค จะหาคนเก่งๆ มาช่วยยาก
งานนี้ ผู้สันทัดกรณี แสดงความเห็นว่าได้ “ดร.โจ” มาช่วยจะดึงฐานเสียง ปชป. มาให้ได้หรือไม่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องสลักสำคัญ เพราะแค่ “ชัชชาติ” คนเดียวยังนำลิ่ว หรือจะเรียกว่า นอนมา ก็ไม่เกินเลย นี่เล่นพ่วง อดีตผู้ว่าฯ กทม.มาอีก ทั้ง “พี่เอ้” และคู่แข่งรายอื่นคงได้เหนื่อยขึ้นไปอีก แหง๋มๆ
**เมื่อ “สี่กุมาร” โหมโรง “อนาคตไทย” ก้าวต่อไป “อุตตม-สนธิรัตน์” งานนี้ไม่ธรรมดา
ความเคลื่อนไหวที่พร้อมใจปล่อยคลิปโพสต์โหมโรง “อนาคตไทย” จากเพจเฟซบุ๊กของ “อุตตม สาวนายน” อดีตหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ รมว.คลัง และ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีต รมว.พลังงาน สองในสี่ “กลุ่มสี่กุมาร" เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) นำมาซึ่งการแสดงความเห็นที่หลากหลาย รวมไปถึงการจับตาก้าวย่างต่อไปของทั้งสอง “มือเศรษฐกิจ” ที่ปลุกปั้นมาโดย “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ว่าจะไปในทิศทางไหน
คลิปวิดีโอสั้นๆ แสดงภาพเคลื่อนไหวของ “อุตตมและสนธิรัตน์” ในอิริยาบถพูดคุยกันสบายๆ โดย “อุตตม” ระบุว่า “ ชวนทุกท่านร่วมมองหาโอกาสใหม่ๆ บนเส้นทางใหม่ๆ เพื่ออนาคตประเทศไทย กับผมและคุณสนธิรัตน์ครับ” ขณะที่ “สนธิรัตน์” โพสต์ข้อความว่า “Thailand Future Focus อนาคตประเทศไทย กับ ดร.อุตตม และผม เร็วๆ นี้ครับ # สนธิรัตน์
สอดรับกับภาพนิ่งเมื่อวันก่อนหน้า ที่ทั้งสองคนนั่งจิบกาแฟ พูดคุยกันถึงเรื่องที่อยากจะมาแชร์กับลูกเพจ และผู้สนับสนุนถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และ มองไปข้างหน้าถึง “อนาคตประเทศไทย” โดยชวนให้ติดตามได้หลังปีใหม่ที่ใกลัจะมาถึงนี้
แน่นอนว่า การเคลื่อนไหวส่งข้อความครั้งนี้ของ “สองกุมาร” อยู่ในช่วงเวลาที่มีกระแสข่าวแพร่สะพัด เตรียมเปิดตัวพรรคใหม่ ย่อมถูกมองถึงการสื่อความดังกล่าวมีมิติการเมืองรวมอยู่ด้วยหรือไม่ ซึ่งหลายๆ ความเห็นที่เข้ามาโพสต์ในเพจของทั้ง “อุตตม” และ “สนธิรัตน์” ส่วนใหญ่ต่างก็มุ่งหวังอย่ากให้เป็นเช่นนั้น ด้วยเหตุผลชองภาพลักษณ์ของทั้ง อุตตม และ สนธิรัตน์ มีภาพของ “นักบริหาร จัดการเศรษฐกิจ” เป็นความหวังในภาวะที่ยามนี้ และอาจจะรวมไปถึงปีหน้า ที่เศรษฐกิจเผชิญกับวิกฤตโควิดที่ต้องเยียวยา และฟื้นฟูในทุกด้าน ขณะที่ทอดตามอง “มือเศรษฐกิจ” ในพรรคการเมืองทั้งซีกรัฐบาล และฝ่ายค้าน ดูเหมือนจะหายากเต็มกลืน
“อุตตม” นั้น ผ่านกระทรวงเศรษฐกิจสำคัญอย่าง ไอซีที อุตสาหกรรม ก่อนจะมาเป็น รมว.คลัง ขณะทื่ “สนธิรัตน์” ก่อนที่จะนั่งว่าการกระทรวงพลังงาน ก็เคยบริหารพาณิชย์มาก่อน ส่วนบทบาททางการเมือง “อุตตม” เคยเป็นหัวหน้าพรรค พปชร. โดยมี “สนธิรัตน์” เป็นเลขาธิการพรรค เรียกว่า สองกุมาร มองเห็นทั้งอดีต-ปัจจุบัน ที่แว่วว่า หลังจากลาออกแยกทางกับ “รัฐบาลลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ยังเฝ้าติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจและผลงานรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง มิพักพูดถึงอนาคต ที่ทั้งสองนั่งถกจิบกาแฟริมแม่น้ำ นั่นก็ดูเหมือนจะมองเห็นว่าต้องทำอะไร...อย่างไร?
บนพื้นฐานแห่ง “ความหวัง” และ “โฟกัส” กันที่อนาคตของประเทศ หรือ Thailand Future Focus ที่ “อุตตม-สนธิรัตน์” สองใน สี่กุมาร ทิ้งนัยยะไว้ท้ายโพสต์ย่อมไม่ธรรมดา
อุปมาอุปมัย การเคลื่อนไหวสอง “อุตตม-สนธิรัตน์” ในชั่วยามนี้เหมือนรถยนต์สตาร์ทเครื่องแล้ว พร้อมจะออกวิ่ง เหลือใส่เกียร์เดินหน้า จุดหมายปลายทางจะอยู่ที่ตรงไหน..ก็ต้องโปรดติดตามกันต่อไป