น่าคิด! ชาวเน็ตรวมวีรกรรม “3 นิ้ว” แกนนำติดคุกหมด ปั่นโจมตีสถาบันฯ สุดท้ายก็แพ้ “ก้าวไกล” มีพิรุธ อุบส่ง “พี่สาวธนาธร” ลงชิงสมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมคุยข่ม “ชัชชาติ” สามกีบช้ำ กรมควบคุมโรค ได้รับรางวัลระดับโลก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (19 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น รวมเด็ดวีรกรรม ขบวนการ 3 นิ้ว แกนนำติดคุกหมด ปั่นโจมตีสถาบันฯ สุดท้ายก็แพ้ตลอดกาล!?
โดยระบุว่า ถือได้ว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของม็อบ 3 นิ้วอย่างแท้จริง ที่ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอะไร ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ แม้กระทั่งบรรดาแกนนำที่ต่างทยอยเข้าคุก มีคดีติดตัว และต้องรอลุ้นว่า จะมีโอกาสออกจากเรือนจำฉลองปีใหม่หรือไม่
ที่ผ่านมา กลุ่ม 3 นิ้ว ได้สร้างวีรกรรมไว้มากมาย แต่สุดท้ายเหมือนจะหนีไม่พ้นผลการกระทำ เพราะทั้งทะเลาะกัน แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตีกันเรื่องเงินบริจาค มีประเด็นแฉรายวัน และฟ้องร้องกันเองเต็มไปหมด
นอกจากนี้ อะไรที่ปูทางจะเคลื่อนไหวไว้ ทั้งประเด็นไม่ยืนในโรงหนัง จ้องโจมตีสถาบันฯ ตามข้อเรียกร้องต่างๆ ก็ดูเหมือนจะแผ่วลง ไม่มีใครเอาด้วยกับม็อบ 3 นิ้วแล้วนั้น จนในโลกออนไลน์ ได้มีการแชร์โพสต์ที่ตั้งคำถามว่า “ทำไมมันแพ้ไปหมด” ถึงขบวนการกลุ่ม 3 นิ้วไว้ดังนี้
– แกนนำติดคุกหมด
– ต้อม ยุทธเลิศ แฉคนอมเงินม็อบ
– การสร้างคอมเพล็กซ์ก็ไม่จริง
– ประเทศวัคซีนเทพก็เละ
– ฝ่ายค้านพาอวยรถไฟลาว-จีน จนมะกันงอนถอดใจสนามอาเซียน
– ค่าย H1 ไม่ถอด “ลูกหนัง” ออกจากวง
– อ.ป๊อก เข้า 7-11 วันพุธ จากที่เคยบอกกลุ่ม 3 นิ้ว ให้ไม่อุดหนุนนายทุน
– คนรุ่นใหม่นักเรียนดีเยอะขึ้น
– ฝ่าย 3 นิ้ว มีแต่แก่ๆ มากขึ้น เช่น ป้าเป้า ส.ศิวรักษ์ จอน อึ้งภากรณ์
– คนเริ่มกลับมายืนในโรงหนังอีกแล้ว
– เด็กเจนอัลฟาแต่งเพลงรักชาติ
– เจอสื่อปั่นว่านายกฯให้ประชาชนทั่วไปเลี้ยงไก่ แต่ความจริงนายกฯพูดกับเกษตรกร
– องค์กรสิทธิมนุษยชนเถื่อน
– สื่อฝ่ายค้านเงียบเรื่องลดโทษคดีคอร์รัปชัน
– ฝ่ายค้านโดดประชุมสภาฯ อ้างทำเพื่อประชาชน
– เริ่มโดนประณามเป็นเผด็จการโซเชียล เพราะใครเห็นต่างรุมแบนทันที แถมไม่กล้าห้ามพวกเดียวกัน
– ลงถนนป่วนเมืองอ้างเสรีภาพเพื่อไปละเมิดเสรีภาพคนอื่น
– แพ้เลือกตั้ง อบจ. เทศบาล อบต. แล้วผู้ว่าฯ กทม.คงไม่รอดอีก
– อาจารย์สอนให้ติดคุก ตัวอาจารย์รอด ลูกศิษย์ติดกันระนาว แค่เบี้ยล่อให้ติดคุกเล่นๆ
สรุปมีแต่พวกขี้แพ้ตลอดกาล
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น พรรคก้าวไกล มีพิรุธ อุบเตรียมส่ง “พี่สาวธนาธร” ลงชิงสมัครผู้ว่าฯ กทม. พร้อมข่ม “ชัชชาติ”
เนื้อหาระบุว่า เป็นที่จับตามองอีกครั้ง สำหรับ ว่าที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคก้าวไกล ซึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้เปิดเผยในเบื้องต้นว่า จะเปิดตัวช่วงครึ่งเเรกของเดือน ม.ค.ปี 2565
ผู้สื่อข่าวได้ถาม นายพิธา ว่า ใช่ น.ส.ชนาพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ พี่สาว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า หรือไม่ ทำให้ทางด้านของ นายพิธา ถึงกับหลุดหัวเราะพร้อมกับตอบเพียงแค่ “ก็เดี๋ยวรอฟังพร้อมกันหลังปีใหม่ 2565 ก็แล้วกัน”
ทำให้ผู้สื่อข่าวถามย้ำต่ออีกด้วยว่า เห็นว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคก้าวไกล คือ เป็นผู้หญิงแน่ๆ ใช่หรือไม่ ทางด้านของ นายพิธา ตอบเพียงแค่ไม่มีอะไรตายตัว คงไม่ได้จะตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้จะมีการเเข่งกันอีกหลายเรื่อง พร้อมทั้งย้ำอีกด้วยว่า ผู้สมัครของพรรคก้าวไกล โปรไฟล์ไม่แพ้ ทั้ง นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ หรือ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)
นอกจากนี้ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ก็ยังได้ทำการเปิดเผยต่ออีกด้วยว่า พรรคก้าวไกล จำเป็นต้องส่งคนลงสมัคร และไม่คิดว่า นายชัชชาติ เป็นตัวแทนเรา ไม่มีเหตุผลอะไรที่เราคิดว่าจะต้องไปช่วยกันดู นายชัชชาติ
อย่างไรก็ตาม สำหรับ น.ส.ชนาพรรณ เคยถูกตรวจสอบว่ามีชื่ออยู่ในการครอบครองที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติแบบผิดกฎหมาย จำนวน 5 ฉบับ ในท้องที่ ต.รางบัว ต.ด่านทับตะโก อ.จอมบึง จ.ราชบุรี หลังจากนั้น พี่สาวของนายธนาธร จึงได้มีคนรู้จักมากยิ่งขึ้น
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน THE TRUTH โพสต์ประเด็น สามนิ้ว ไม่ถูกใจ!? กรมควบคุมโรคไทย ได้รับรางวัลชนะเลิศ ระดับโลก
โดยระบุว่า ในช่วงที่ผ่านมา หลังการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 ประเทศไทยรับมืออย่างเต็มที่มาโดยตลอด แม้ว่าจะมีพลาดบ้างทำให้เกิดการแพร่ระบาด
ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ถูกกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงนักการเมืองฝ่ายค้านโจมตีเรื่องแบบแผนการจัดการ และมาตรการต่างๆ ตลอดมา ทำให้หลายๆ คนในประเทศเกิดการคล้อยตามว่าหรือการจัดการของประเทศไทยจะไม่ได้ดีจริง เพราะมีการแพร่ระบาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่ถ้าเทียบกันแล้วในระดับโลก ประเทศไทยถือได้ว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รวมถึงผู้ที่เสียชีวิตน้อยมากๆ แต่ไม่ได้ถูกนำมาเปรียบเทียบ
ล่าสุด ได้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 64 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้นายแพทย์อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เข้ารับรางวัล United Nations Public Service Awards หรือ UNPSA จากผลงานการสกัดกั้นโรคไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งจัดขึ้นที่ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยมี นายอังตอนียู มานูแวล ดึ ออลีไวรา กูแตรึช (António Manuel de Oliveira Guterres) เลขาธิการสหประชาชาติ เป็นผู้มอบรางวัล
ซึ่ง กรมควบคุมโรค ประเทศไทย ได้รับรางวัล Winner ระดับประเทศ ในหัวข้อเรื่อง “Intelligent Sustainable in Public Health Emergency System in Thailand” โดยมีตัวชี้วัด คือ การป้องกัน การตรวจจับการตอบสนอง ระบบสุขภาพ มาตรฐาน และความเสี่ยง
โดยประเทศไทย ได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพเป็นอันดับที่ 5 จากทั้งหมด 195 ประเทศ อีกทั้งเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ถูกจัดอยู่ในอันดับ Top 10 ของโลก และที่ 1 ของเอเชีย ที่มีความพร้อมในการรับมือการระบาดของโรคมากที่สุด ซึ่งมีเพียง 13 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น
ทั้งนี้ รางวัล United Nations Public Service Awards หรือ รางวัล UNPSA เป็นรางวัลเชิดชูเกียรติระดับชาติ ที่จะมอบให้กับประเทศที่มีงานบริการภาครัฐที่เป็นเลิศ ทั้งในระดับท้องถิ่น ภูมิภาค และระดับประเทศ
ซึ่งก็ชัดเจนแล้วว่าการที่ประเทศไทยได้รับรางวัลในระดับโลกนี้ เป็นการตอกย้ำว่า ประเทศไทย มีการรับมือที่ดีต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจใครบางกลุ่ม
แน่นอน, ประเด็นที่น่าคิดวิเคราะห์ ก็คือ การต่อสู้เรียกร้องของขบวนการ 3 นิ้วในประเทศไทย เหตุใดจึงค่อนข้างล้มเหลว หรือ อาจถึงกับพ่ายแพ้อยู่ในเวลานี้
ที่ชัดเจน อาจเนื่องมาจากประเด็นที่ต่อสู้เรียกร้อง คือ ปฏิรูปสถาบันฯนั้น ถือเป็นเรื่องใหญ่ และเท่ากับต่อสู้กับคนไทยส่วนใหญ่ ที่มีความจงรักภักดีต่อสถาบันฯนั่นเอง
ดังนั้น ไม่ว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร ก็ไม่มีทางปลุกคนไทยให้ลุกฮือมาร่วมต่อสู้ได้ ไม่เหมือนในบางประเทศที่ถือว่า เป็นประเด็นร่วมของคนทั้งประเทศ
ประเด็นต่อมา ในขบวนการ 3 นิ้วเอง ก็มีปัญหามากมาย เพราะการเคลื่อนไหวเรื่องนี้ ใช้เยาวชน นิสิต นักศึกษา เป็นคนออกหน้า ซึ่งอ่อนด้อยประสบการณ์ในการเคลื่อนไหว การจัดม็อบ และการปราศรัย ทำให้มีการทำผิดกฎหมายมากมาย จนกลายเป็นบ่วงมัดตัวเองในที่สุด
ขณะที่ แกนนำตัวจริง หรือ พวกอีแอบ ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยตัวเอง หรือยื่นมือเข้าไปจัดการ รวมทั้งบัญชาเกมอย่างเต็มที่ แม้ว่าอาจส่งตัวแทนที่ดูเนียนๆ เข้าไปดูแล และส่งท่อน้ำเลี้ยงสนับสนุน แต่ก็ทำได้แค่ประสานงานเท่านั้น และด้วยเหตุที่ไม่มีแกนนำตัวจริงนี่เอง ทำให้ม็อบกลายเป็นแหล่งทำมาหากิน หาผลประโยชน์ของคนหลายกลุ่ม รวมถึงกลุ่มแอบแฝงรับบริจาคเงินเพื่อจัดม็อบ ทำให้ที่ผ่านมา เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง สาวไส้ โจมตีกันจนเละเทะไปหมด จนทำให้มวลชนที่เข้าร่วมและประชาชนตาสว่าง เห็นธาตุแท้ว่าเป็น “ของปลอม” คือ เพียงแค่แอบอ้างต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย
จนในที่สุด การต่อสู้ของขบวนการ 3 นิ้ว ถูกจับทางได้หมด และหนักเข้าก็ยิ่งส่อพฤติกรรมเสื่อมทรามออกมาให้เห็น อย่างที่เป็นกระแสในโลกออนไลน์ ที่มีการล่าแม่มดคนเห็นต่าง และทัวร์ลงโจมตี
ที่ร้ายไปกว่านั้น คือ การด้อยค่าประเทศตัวเอง การต่อต้านสิ่งที่ประเทศตัวเองทำดี หรือ คนไทยสร้างชื่อเสียงให้ประเทศ อย่างขาดสติ เพียงเพราะกลัวรัฐบาลที่ตัวเองเกลียดจะได้หน้า เท่านั้นเอง?
นี่คือ ทั้งหมดของขบวนการ 3 นิ้ว ไม่ได้มีอะไรที่ดีไปกว่านี้ ที่จะทำให้คนไทยเห็นด้วยเลย จริงหรือไม่ ก็ลองคิดดู!!!