คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล-คณะวิศวกรรมศาสตร์ม.มหิดล-ส.การแพทย์ฉุกเฉินฯ-มูลนิธิไทยคมร่วมกันมอบของขวัญปีใหม่ให้ ปชช.ด้วยโครงการรถรักษาอัมพาตเฉียบพลันเคลื่อนที่ พร้อมอุปกรณ์-ยา-บุคลากรประจำรถ พ่วงระบบ Telemedicine นำร่อง 6 ภาคทั่วประเทศ
รศ.นพ.ยงชัย นิละนนท์ หัวหน้าศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช เปิดเผยถึงโครงการ Mobile Stroke Unit -Stroke One Stop (MSU-SOS) ว่าโครงการหน่วยรถแพทย์รักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลัน หรือ MSU-SOS เป็นโครงการที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราช คณะวิศวกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ) มูลนิธิไทยคม และภาคีเครือข่ายร่วมมือกันริเริ่ม เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันในพื้นที่ห่างไกลที่ขาดแคลนอุปกรณ์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เนื่องจากโรคดังกล่าวหากให้การรักษาช้าจะทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่พิการตลอดชีวิตหรือตายได้
อีกทั้งในฐานะที่โรงพยาบาลศิริราชเป็นโรงเรียนแพทย์และเป็นโรงพยาบาลของแผ่นดิน ซึ่งมีหน้าที่สร้างต้นแบบการรักษาโรคให้กับประเทศเพื่อนำไปใช้แก้ปัญหาในด้านสาธารณสุข ทำให้ได้ตัดสินใจทำโครงการ MSU-SOS ขึ้น โดยโครงการนี้จะเป็นการเข้าไปแก้ปัญหาหลักที่เกิดขึ้นในการรักษาผู้ป่วยอัมพาตเฉียบพลัน 3 ข้อดังนี้
1. ปัญหาการขาดแคลนเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง (CT Scan) ถึงแม้ว่าเครื่อง CT มีจำนวนมากในประเทศไทย แต่ในพื้นที่ห่างไกลหรือขาดแคลน ผู้ป่วยไม่สามารถเข้าถึงได้โดยเร็ว เกิดความล่าช้าส่งผลทำให้พิการและถ้ามีอาการรุนแรงจะทำให้สมองบวมและเสียชีวิตได้ ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหาเราจะติดตั้งเครื่องเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์สมองบนรถคันนี้ซึ่งพร้อมที่จะให้บริการเมื่อผู้ป่วยมาถึง
2.ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ในปัจจุบันเราสามารถนำเทคโนโลยีการปรึกษาทางไกลมาใช้ร่วมกับสัญญาณอินเทอร์เนต 5G ได้บนรถ โดยแพทย์ที่รับปรึกษาจะเห็นภาพผู้ป่วยบนรถและภาพเอ็กซเรย์สมอง รวมทั้งสามารถพูดคุยกับผู้ป่วยได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะอยู่บริเวณใดของประเทศก็ตาม
3.ปัญหาความล่าช้าในการส่งต่อตัวคนไข้จากโรงพยาบาลต้นทางไปยังโรงพยาบาลปลายทาง ใช้เวลานานมากกว่า 3-5 ชั่วโมงขึ้นไป เพื่อแก้ปัญหานี้จึงได้จัดทำกระบวนการส่งต่อที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้าโดยทีมผู้ปฏิบัติงานบนรถและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเชื่อมต่อไปยังโรงพยาบาลปลายทางซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโรงพยาบาลศูนย์หรือโรงเรียนแพทย์ เพื่อส่งต่อคนไข้มาทำการเปิดหลอดเลือดโดยใช้สายสวน โดยจะส่งข้อมูลผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์และคลาวด์ โดยรถคันนี้เป็นรถที่มีเครื่องเอ็กซเรย์สมองเคลื่อนที่ เครื่องฉีดสี มียารักษาอัมพาตเฉียบพลันที่จำเป็น มีบุคลากรทางการแพทย์ที่ไปกับรถและมีระบบการสื่อสารทางไกลผ่าน telemedicine เมื่อคนไข้ขึ้นมาบนรถแพทย์ก็จะทำการตรวจร่างกาย สแกนสมองในกรณียังอยู่ในระยะเวลาที่ฉีดยาได้จะทำการฉีดยาสลายลิ่มเลือดเพื่อเปิดหลอดเลือด และต่อมาจะฉีดสีเพื่อดูว่าหลอดเลือดใหญ่เส้นไหนอุดตัน หากพบว่ามีหลอดเลือดใหญ่อุดตันก็รีบส่งตัวคนไข้ไปสู่โรงพยาบาลแห่งที่ 2 ที่ใหญ่กว่าเพื่อที่จะทำการเปิดหลอดเลือดโดยใช้สายสวน
รศ.นพ.ยงชัย กล่าวอีกว่า ทั้งหมดนี้จะนำมาสู่การรักษาแบบใหม่ก็คือเบ็ดเสร็จ ณ จุดเดียวทำให้ลดความพิการและลดอัตราการตายลงได้ ในกรณีเป็นพื้นที่ห่างไกลมาก สำนักงานแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติจะรับผิดชอบปฏิบัติการส่งตัวผู้ป่วยทางอากาศยานหรือเฮลิคอปเตอร์ ทำให้สามารถลดเวลาและขั้นตอนลงได้มาก ซึ่งโครงการดังกล่าวในปัจจุบันมีการให้บริการคนไข้ไปกว่า 640 ราย ซึ่งเริ่มทดสอบระบบปฏิบัติการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ขณะนี้เรากำลังกระจายการให้บริการไปสู่ 6 จังหวัด เพื่อเป็นต้นแบบให้กับพื้นที่ 6 ภาคทั่วประเทศ ที่เปิดให้บริการแล้วมี 4 แห่ง คือ จังหวัดแรกที่นำร่องคือกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา และจังหวัดนนทบุรี ปฏิบัติการโดยโรงพยาบาลศิริราช
แห่งที่ 2 คือจังหวัดชลบุรี ภายใต้การปฎิบัติการของมหาวิทยาลัยบูรพาและโรงพยาบาลชลบุรี
แห่งที่ 3 คือโมเดลภาคตะวันตก จังหวัดราชบุรีและโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจอมบึง จังหวัดราชบุรี
แห่งที่ 4 คือ โรงพยาบาลคีรีรัฐนิคม จังหวัดจังหวัดสุราษฎร์ธานี
แห่งที่ 5 ที่ตั้งใจจะเปิดบริการคือจังหวัดเชียงราย ภายใต้การปฎิบัติการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเชียงของจังหวัดเชียงราย ร่วมกับโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โดยจะเริ่มให้บริการในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565
พื้นที่สุดท้ายที่จะปฏิบัติการภายในเดือนมิถุนายน 2565 คือโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชธาตุพนม ภายใต้ปฎิบัติการร่วมกับโรงพยาบาลนครพนม โดยทุกพื้นที่ดังกล่าวศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราชเป็นผู้จัดอบรมทีม จัดตั้งระบบบริการ รวมทั้งร่วมปฎิบัติการให้คำปรึกษาทางไกล
“การที่เราสร้างต้นแบบไปกระจายทั้งหมด 6 ภาคใน 6 พื้นที่เพราะเราต้องการทำให้เห็นว่าในทุกส่วนที่อยู่ห่างไกลสามารถปฏิบัติการเช่นนี้ได้และสามารถยกระดับการดูแลโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันซึ่งจะนำไปสู่การลดการพิการและความตายของผู้ป่วยได้ เนื่องในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2565 เรารู้สึกยินดีในความสำเร็จของทีมและภาคีเครือข่ายทุกหน่วยงานในการมีส่วนร่วมของการพัฒนาต้นแบบการรักษาอัมพาตเฉียบพลันแบบใหม่ที่ศิริราชภูมิใจมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน” รศ.นพ.ยงชัยกล่าว.