xs
xsm
sm
md
lg

'เลขาฯ ไทยศรีวิไลย์ ' นำนักลงทุนจีนลงพื้นที่ จ.พิจิตร เผยหารือดัน 'ข้าวเจ้า - ส้มท่าข่อย' ไปไกลระดับโลก ชี้แนวนโยบายด้านเศรษฐกิจพรรคฯ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันนี้ (17 ธ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า. นายศยุน ชัยปัญญา เลขาธิการพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้นำคณะนักลงทุน ไทย - จีน โดยการนำของ  Mr.Chen Han Guo President
Sevna International group (THAILAND)Co.,ltd. นายกสมาคมนักลงทุนไทย-จีน เข้าหารือกับนายประทีป เอ่งฉ้วน รองผู้ว่าการการนิคมอุสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าดูพื้นที่นิคมอุสาหกรรมจังหวัดพิจิตร เพื่อดึงนักลงทุนจากประเทศจีน มาลงทุนในไทยโดยจะใช้ที่จ.พิจิตรเป็นพื้นที่นำร่อง เพื่อสร้างงานให้กับประชาชนในพื้นที่

นายศยุน กล่าวว่า ถึงแม้ขณะนี้ พรรคไทยศรีวิไลย์มีบทบาทเป็นฝ่ายค้านในสภาผู้แทนฯ  แต่ก็ได้มีแนวนโยบายเพื่อประชาชนได้อยู่ดีกินดีมีความสุข ท่ามกลางสถานการณ์ของไวรัสโควิด - 19 ที่ยังระบาดอยู่ในเวลานี้ ทั้งนี้ การที่ตนได้นำคณะนักลงทุนจากประเทศจีนมาปรึกษาหารือและได้แสดงความสนใจที่จะลงทุนในพื้นที่ จ.พิจิตร นั้น ถือเป็นเรื่องที่คนในพื้นที่จะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล เพราะอย่างน้อยจะเกิดการจ้างงานราวๆ 10,000 กว่าตำแหน่ง และด้วยศักยภาพของ จ.พิจิตร ที่มีผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรที่เชิดหน้าชูตาอย่าง ข้าวเจ้าอร่อย และส้มท่าข่อยรสเด็ด แล้ว เป็นสิ่งที่นักลงทุนจากประเทศจีน มีความสนใจ และตั้งใจจะพัฒนาให้มีผลผลิตที่มีคุณภาพ สามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากขึ้น เพราะฉะนั้น พรรคไทยศรีวิไลย์ ไม่ได้มีนโยบายทางเศรษฐกิจโดยเอื้อให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่จะมีแนวทางที่เรียกว่า 'หนึ่งโครงการ คนหกสิบเจ็ดล้านได้ประโยชน์'  ดังนั้น นโยบายที่ได้เสนอสู่ประชาชน เช่นการหารายได้เข้าประเทศอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการขุดคลองไทย ซึ่งจะได้ค่าธรรมเนียมจากเรือที่ผ่านไปมานับล้านล้านบาทต่อปี การเพิ่มพื้นที่เกษตรกรรมให้ได้อีก 40 ล้านไร่ การลดภาระหนี้ที่ไม่จำเป็นของภาครัฐ เป็นต้น นั้น ทำให้พรรคไทยศรีวิไลย์ มั่นใจว่า จะสามารถปฏิบัติได้จริง มากกว่าโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลทำอยู่ในขณะนี้

"ผมเห็นว่า สิ่งที่นายกรัฐมนตรี แนะนำให้กับประชาชนนั้น เป็นการพูดโดยไม่ดูข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน  เพราะการเลี้ยงสัตว์ในสภาพไม่เหมาะสม นอกจากจะเป็นอันตรายต่อผู้เลี้ยงแล้ว ยังสร้างความไม่พอใจให้กับเพื่อนบ้าน และอาจจะมีข้อพิพาทกับหน่วยงานรัฐเรื่องความสะอาดด้วย ดังนั้น ถ้าอยากจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยให้ทุกคนได้ประโยชน์แล้ว ก็ต้องขอร้องให้ทางรัฐบาลเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริง ได้มาทำงานโดยผ่านกระบวนการเลือกตั้ง เพราะคนที่มาจากการเลือกตั้งนั้น เขามีความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจของชาวบ้าน มากกว่าคนที่ผ่านการใช้นิ้วออกคำสั่งในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ในพื้นที่แคบๆ  ซึ่งแสดงออกให้ชาวบ้านเห็นถึงความไม่เข้าใจในการแก้ปัญหาและทำให้ชาวบ้านเอือมระอาอีกด้วย"นายศยุน กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น