รองโฆษกรัฐบาล เผย ครม.เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือไทย-กัมพูชา ขับเคลื่อนหุ้นส่วนสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง
วันนี้ (14 ธ.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างบันทึกการประชุมของการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (Joint Commission for Bilateral Cooperation: JC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 11 ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ โดย นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีกำหนดเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และเป็นประธานร่วมในการประชุมระหว่างวันที่ 16-18 ธ.ค. 64 ณ กรุงพนมเปญ ที่จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ฟื้นฟูไปด้วยกันเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (Peace, Prosperity, Recovery Together)” ซึ่งจะมุ่งเน้น (1) การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (2) ความร่วมมือเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองตามแนวชายแดน และ (3) ความร่วมมือเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชน
ร่างบันทึกการประชุมนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ร่วมของทั้งสองประเทศในการส่งเสริมความร่วมมือในประเด็นต่างๆ รวมทั้งการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ให้มีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและก่อประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่าย โดยมีความร่วมมือในด้านต่างๆ ดังนี้
1. ด้านสังคม วัฒนธรรม และอื่นๆ อาทิ (1) การต่อต้านการลักลอบขนโบราณวัตถุ (2) การส่งเสริมความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมายอาญา โดยเฉพาะการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการโอนตัวนักโทษ (3) การให้คนสัญชาติของอีกฝ่ายได้เข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียม (4) การอำนวยความสะดวกในการเดินทางข้ามแดนระหว่างกันโดยการยอมรับเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนระหว่างกัน
2. ด้านการเมืองและความมั่นคง อาทิ (1) การยกระดับการลาดตระเวนชายแดน เพื่อป้องกันและปราบปรามการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย (2) การป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยร่วมมือจับกุมและปราบปรามการค้ายาเสพติด สารตั้งต้น สารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท และสารออกฤทธิ์ต่อจิตประสาทใหม่ ภายใต้แผนปฏิบัติการร่วมแม่น้าโขงปลอดภัยเพื่อการควบคุมยาเสพติด 6 ประเทศ (พ.ศ. 2562-2565)
3. ด้านเศรษฐกิจ อาทิ (1) คงเป้าหมายการค้าทวิภาคีไว้ที่ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้ขยายกรอบเวลาออกไปจนถึงปี 2568 รวมทั้งส่งเสริมการค้าชายแดนระหว่างสองประเทศ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างความร่วมมือและการสนับสนุนกันในกรอบความร่วมมือในระดับพหุภาคี ภูมิภาค และอนุภูมิภาค ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก เช่น สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN) การประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) และยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS)
นางสาวรัชดา กล่าวด้วยว่า การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสให้ไทยและกัมพูชา ได้ร่วมกันทบทวนความคืบหน้าของความร่วมมือในด้านต่างๆ ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ทั้งสองประเทศได้ว่างเว้นจากการจัดการประชุมมากว่า 5 ปี และกำหนดทิศทางความร่วมมือในอนาคตเพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนแห่งสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระหว่างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของทั้งสองประเทศจากผลกระทบของสถานการณ์โควิด-19