นายกฯ มอบรางวัลอุตสาหกรรม 64 (The Prime Minister’s Industry Award 2021) แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม 63 ราย มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม เพิ่มศักยภาพการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
วันนี้ (13ธ.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ ชั้น 3 สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต เขตพญาไท กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2564 โดย เดินทางออกจากทำเนียบเมื่อเวลา 13.00 น. ก่อนที่กลุ่มผู้ชุมนุมจะนะรักถิ่น ที่ปักหลักอยู่บริเวณหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศเคลื่อนขบวนมาปักหลักที่บริเวณประตู 1
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่ง ว่า ทุกครั้งที่มีการมอบรางวัลและมีการชมเชยต่างๆนายกรัฐมนตรีมีความสุขเพราะแสดงให้เห็นว่าเราได้มีการพัฒนาตัวเองมาโดยตลอดอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้รัฐบาลมุ่งส่งเสริมการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้สอดคล้องกับศักยภาพพื้นฐานของประเทศ ที่ผ่านมาทุกคนทราบดีว่าเราเผชิญกับปัญหาในเรื่องของสินค้าการเกษตรที่มีความผันผวนในเรื่องของราคาในตลาดโลกเสมอมาเป็นระยะเวลานานหลายปี รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาไม่ให้ประชาชนเดือดร้อนและหาวิธีการที่จะทำให้ประชาชน ได้ประโยชน์ ตั้งแต่ลดต้นทุนการผลิต การแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าจนถึงการค้าขายด้วยตัวเอง ในส่วนภาคอุตสาหกรรมนั้นรัฐบาลสนับสนุนและส่งเสริมให้มีการพัฒนาและต่อยอดซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศในเรื่องเพิ่มขีดความสามารถของการแข่งขัน เพื่อให้สอดรับกับการบริหารจัดการของระบบราชการ ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาได้มากพอสมควร
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งสำคัญจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างสามารถทำได้สะดวกและง่ายมากยิ่งขึ้น แต่ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งวันนี้เราใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเสริม แต่ปีนี้เราต้องมาเผชิญกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 แต่รัฐบาลก็พยายามทำอย่างเต็มที่ เพราะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ การดำรงชีวิตของประชาชนในวงกว้าง รวมทั้งการท่องเที่ยวซึ่งเป็นรายได้หลักของประเทศก็ลดลง แต่ขณะนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นอย่างช้าๆ การค้าระหว่างประเทศหดตัวลงรุนแรง ภาคอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่ตนรู้ว่าทุกท่านสู้ คาดหวังว่าสถานการณ์เริ่มดีขึ้นจะเห็นได้จากสถิติการท่องเที่ยว การเปิดประเทศ การดูแลเรื่องแรงงาน ซึ่งตนพยายามดูในทุกมิติให้มากที่สุด ถ้าเรายังไม่เข้มแข็งเพียงพอวันข้างหน้าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกก็จะต้องเผชิญสถานการณ์แบบเดิม แต่ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลในการดูแลช่วยเหลือเยียวยา ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมก็ต้องมีความเข้มแข็งพร้อมรับสถานการณ์ในวันข้างหน้า
รัฐบาลพยายามพยายามดำเนินการมาทุกเรื่อง ทั้งการแบ่งเบาภาระเสริมสภาพคล่องการเงินหรือการยกเว้นค่าทำเนียมต่างๆ การขออนุญาต ม.อ.ก. ทั้งค่าทำเนียมรายปีและค่าธรรมเนียมใบอนุญาต การพักชำระหนี้เงินต้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี เป็นต้น
“ ซึ่งยอมรับว่ารัฐบาลก็อ่วมเหมือนกัน ในการดูแลพวกท่าน รายได้ก็หายไป ขณะเดียวกันการใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐก็ต้องใช้ในหลายส่วน จึงขอให้เข้าใจซึ่งกันและกันด้วย ผมไม่ได้ต้องการที่จะไปเพิ่มภาระ ให้กับใครทั้งสิ้น หวังแต่เพียงให้ฟื้นฟูกลับคืนมาและเข้มแข็งโดยเร็วเหมือนเช่นก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด ทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่รูปเดิมและพัฒนาดีขึ้นในอนาคตในโลกหลังโควิด ซึ่งวันเดียวกันนี้ก็ได้ให้แนวทางทั้งในส่วนมาตรการการสร้างแรงจูงใจ รวมทั้งการลงทุนอุตสาหกรรมของประเทศซึ่งบีโอไอได้ปรับแก้ให้ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลแล้ว” นายกรัฐมนตรีกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้เราต้องเตรียมการสู่อนาคตซึ่งอาจไม่ไกลนักที่เราจะต้องเผชิญกับปัญหาหลายอย่าง โดยเฉพาะข้อตกลงต่างๆที่มีมาตรฐานสูงตามระบบการค้าเสรี ซึ่งจะครอบคลุมถึงการเปิดตลาดสินค้าบริการและการลงทุนรวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการค้าขายทรัพย์สินทางปัญญา การจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐ มาตรฐานแรงงาน สิ่งแวดล้อม วิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อม วันนี้เป็นโลกไร้พรมแดนต้องไม่ลืมว่าเราต้องเจอกับคู่แข่งขันจากหลายประเทศมากขึ้นและรุนแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีความพร้อมวันนี้วันข้างหน้าก็จะลำบาก
ผู้สื่อข่าวรายวานว่า ช่วงหนึ่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุน อุตสาหกรรมและการลงทุนต่างๆโดยต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ในเมื่อนโยบายของรัฐบาลมีการส่งเสริมในด้านต่างๆแล้ว ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการ จะขึ้นอยู่กับประชาชนในพื้นที่เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมที่ใดก็ตาม การทำประชาพิจารณ์ การจัดให้มีการศึกษาผลกระทบในเชิงยุทธศาสตร์ หรือ SEA ทุกอย่างล้วนแต่มีกติกาทั้งสิ้น การปรับเปลี่ยนผังเมืองก็ขึ้นอยู่กับประชาชน รัฐบาลไม่สามารถกำหนดให้เป็นนั่นเป็นนี่ได้โดยที่ประชาชนไม่เห็นชอบ เรื่องนี้ขอให้เข้าใจด้วยแล้วกัน เป็นสิ่งที่กำลังแก้ปัญหากันอยู่ทุกคนคงทราบดี อะไรที่มีปัญหาเราก็ต้องแก้ไข ทำให้ครบถ้วนถูกต้องได้รับความเชื่อถือไว้วางใจ แต่ทั้งหมดต้องมีกฎหมายเป็นข้อกำหนดที่หน่วยงานต่างๆถืออยู่ ยืนยันว่ารัฐบาลจะแก้ปัญหาทุกอย่างให้ดีที่สุดและคิดว่าประเทศไทยกำลังพัฒนาไปสู่แนวทางที่เหมาะสมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญ ภายในงานดังนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลส่งเสริมการพัฒนาภาคอุตสาหกรรมตามศักยภาพพื้นฐานของประเทศ อาทิ การส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ การส่งเสริมการพัฒนานวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่อาหารไทย บนฐานความรู้ ความคิดสร้างสรรค์ และภูมิปัญญา ส่งเสริมการวิจัยเกษตรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร การส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงปรับกระบวนการผลิตสู่ระบบอัตโนมัติ เพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs ให้เข้มแข็ง ด้วยการเพิ่มองค์ความรู้ในด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต สนับสนุนและการขับเคลื่อนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน และบริการทางการเงิน และการลงทุน และการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การตลาดและโอกาสในการลงทุนในต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรียังกล่าวว่า รัฐบาลได้ออกมาตรการเยียวยาภาคอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง เสริมสภาพคล่องทางการเงินให้สามารถฟื้นฟูกิจการได้เร็วขึ้น รวมทั้งเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้ฟื้นตัวจากโควิด-19 โดยเร็ว ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และการอำนวยความสะดวกเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนให้มากที่สุด เร่งพัฒนาภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะภาคส่งออก เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเคมี อุตสาหกรรมไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในกระบวนการผลิตให้มีแนวโน้มกลับมาขยายตัว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเผยว่า ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรียังย้ำถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่อนาคตที่สภาพแวดล้อมทางธุรกิจอุตสาหกรรมจะเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งประเทศไทยต้องยืนอยู่บนฐานของความรู้ การสร้างสรรค์ และมีมาตรฐานในระดับสากล รวมทั้งต้องเป็นอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน โดยสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนได้ และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในปัจจุบัน
ภายในงาน นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2564 (The Prime Minister’s Industry Award 2021) จำนวนรวมทั้งสิ้น 63 รางวัล ประกอบไปด้วย รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม (The Prime Minister’s Best Industry Award) จำนวน 1 รางวัล ได้แก่ บริษัท มาบตาพุดโอเลฟินส์ จำกัด รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น (The Prime Minister’s Industry Award) 37 รางวัล ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ร่วมถ่ายรูปกับผู้ประกอบการที่ได้รับรางวัล ทั้ง 63 รางวัล บริเวณโถงด้านหน้าพิธี และทักทายผู้ประกอบการภายในงาน อีกด้วย
สำหรับการมอบรางวัลอุตสาหกรรม (The Prime Minister’s Industry Award) นั้นเป็นปีที่ 29 ของการมอบรางวัลแล้ว โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจัดขึ้นเพื่อประกาศเกียรติคุณและเชิดชูเกียรติผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับ ที่มีความเป็นเลิศ และผ่านการพิจารณาคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ อาทิ ความสามารถในการบริหารจัดการองค์กร ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมและองค์ความรู้ ผลกระทบของกิจการต่อระบบเศรษฐกิจและการทำคุณประโยชน์ต่อสังคม และธรรมาภิบาล โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพของผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ซึ่งส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ