รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย ไทยเตรียมหารืออย่างเป็นทางการกับมาเลเซีย เปิดด่านชายแดนใต้รับนักท่องเที่ยว สอดคล้องกับข้อเสนอจากผู้แทนราษฏรในพื้นที่
วันนี้ (13 ธ.ค.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการพิจารณาการเปิดด่านจังหวัดชายแดนใต้รับนักท่องเที่ยว สอดคล้องกับข้อเสนอจากผู้แทนราษฎรในพื้นที่ ซึ่งวันนี้ที่ประชุม ศบค. มีมติเห็นชอบการเตรียมเปิดด่านทางบกรับนักท่องเที่ยวแบบ Test and Go ในจุดผ่านแดนพื้นที่ สงขลา ยะลา นราธิวาส และ สตูล โดยคาดว่า จะดำเนินการได้ช่วงกลางเดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ กำหนดการเปิดด่านให้เป็นไปตามผลการหารืออย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลไทยและมาเลเซีย ซึ่งจะได้มีการหารือกันในลำดับต่อไป และในระหว่างนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการเตรียมความพร้อมในเรื่อง ระบบการตรวจ Vaccine Certificate ทั้งแบบเอกสารและออนไลน์ การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในวันที่ 1 ที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาถึง โรงแรมที่มีมาตรฐาน SHA++ ความพร้อมของมาตรการ Covid Free Setting ของสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางของนักท่องเที่ยว ได้แก่ ระบบการขนส่ง สถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมฯ ยังเห็นชอบให้ ศบค.ส่วนหน้า จบภารกิจที่ 16 ธ.ค. 2564 เป็นต้นไป โดยส่งมอบงานอำนวยการขับเคลื่อน และกำกับดูแล ศบค.ส่วนหน้า ที่ดำเนินการมาแล้ว ให้กับ ศปก.ศบค. ดำเนินการต่อไป โดยยังคงส่งเสริมการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และสตรีมีครรภ์ กวดขันอย่างเต็มขีดความสามารถ มิให้มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เสริมสร้างความพร้อมศักยภาพระบบการรักษาพยาบาลให้กับผู้ติดเชื้อโควิด-19 โดยเฉพาะในระบบ Home Isolation (HI) และ Community Isolation (CI) พร้อมรองรับการเกิดแพร่ระบาดแบบกลุ่มก้อน ในส่วนการเปิดการเรียนแบบ On Site ในสถาบันการศึกษา ให้ทยอยเปิดได้ หากมีความพร้อมอย่างเป็นระบบ โดยอาจพิจารณา เปิดบางพื้นที่ บางโรงเรียน หรือบางระดับชั้นเรียน
“นายกรัฐมนตรีขอบคุณทุกภาคส่วนในการมีส่วนร่วมช่วยกันทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง ผู้รับการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นครอบคลุมกลุ่มต่างๆ และที่สำคัญ การจัดตั้ง ศบค.ส่วนหน้า ถือเป็นต้นแบบที่ช่วยอำนวยการทำงานร่วมกันของภาคส่วนต่างๆได้เป็นอย่างดี กระชับการประสานงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น แม้ ศบค.จะมีมติให้จบภารกิจในกลางเดือนหน้า แต่จะใช้รูปแบบกับสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีอื่นต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว