xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่” ยินดีไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมกลุ่ม “Digital Nomad” พร้อมพัฒนาระบบดึงนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผลการจัดอันดับของ Holidu ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับการค้นหาสถานที่พักผ่อนของเยอรมนี ได้ยกให้ 3 เมืองของไทย ได้แก่ “กรุงเทพฯ” “ภูเก็ต” และ “เชียงใหม่” เป็นเมืองที่เหมาะกับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก
โฆษกรัฐบาล เผย “นายกฯ” ยินดีไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของกลุ่ม “Digital Nomad” พร้อมพัฒนาระบบในประเทศเดินหน้าดึงดูดนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม

วันนี้ (11 ธ.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า จากผลการจัดอันดับของ Holidu ซึ่งเป็นเว็บไซต์สำหรับการค้นหาสถานที่พักผ่อนของเยอรมนี ได้ยกให้ 3 เมืองของไทย ได้แก่ “กรุงเทพฯ” “ภูเก็ต” และ “เชียงใหม่” เป็นเมืองที่เหมาะกับการทำงานและพักผ่อนที่สุดในโลก (The Best Cities for a Workation 2021) โดยหากเจาะลึกลงไปในกลุ่มชาวต่างชาติที่เดินด้วยจุดประสงค์ดังกล่าว หนึ่งในนั้นคือ กลุ่ม “Digital Nomad” ซึ่งเป็นผู้ที่ทำงานทางไกลผ่านระบบออนไลน์จากต่างประเทศ หรือประเทศปลายทาง ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยว รวมถึงมักจะพำนักแบบระยะยาว และมีสถานที่ทำงานเป็นร้านกาแฟ ห้องสมุดสาธารณะ และ Co-working Space

โดยจากผลการสำรวจของ Adventure Travel Trade Association ปี 2021 พบว่า ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของกลุ่ม Digital Nomad ในลักษณะของการพำนักแบบ Long Stays (มากกว่า 3 เดือนขึ้นไป) และ Medium Stays (ระหว่าง 1-3 เดือน) โดยมีปัจจัยประกอบการพิจารณา ได้แก่ 1. อินเทอร์เน็ตที่เสถียร 2. อากาศที่ดี 3. ค่าครองชีพที่ต่ำ 4. มาตรการรับตรวจลงตรา (visa) ที่ไม่ยุ่งยาก และ 5. แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ จึงนับเป็นโอกาสสำคัญของไทยเพื่อรองรับการทำงานในสถานการณ์โควิด-19 ที่พนักงานไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงาน Remote Work หรือทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ประกอบกับไทยมีเมืองที่เหมาะสมกับการทำงานและพักผ่อน (Workation) ซึ่งสอดคล้องกับ 3 เมืองหลักๆ ของไทย (กรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เชียงใหม่) นอกจากนี้ จากการผลการสำรวจของ MBO Partners ยังพบว่า จำนวนของกลุ่ม Digital Nomad ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในทุกๆ ปี โดยในปี 2020 มี Digital Nomad ชาวอเมริกันเพิ่มขึ้นเป็น 10.9 ล้านคน จาก 7.3 ล้านคน ในปี 2019

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้เดินหน้าเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของไทยในด้านนี้ เพื่อรองรับกลุ่ม Digital Nomad โดยเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564 รัฐบาลได้อนุญาตการตรวจลงตราให้กับชาวต่างชาติที่ประสงค์จะเดินทางมาพำนักแบบระยะยาว (Long Stay) ในรูปแบบ “นักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist Visa (STV)” ให้สามารถอยู่ในไทยได้ครั้งละ 90 วัน และอยู่ต่อได้อีกสองครั้ง หรืออยู่สูงสุดได้ไม่เกิน 270 วัน เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวในประเทศ

“นายกรัฐมนตรีขอบคุณการทำงานอย่างแข็งขันของทุกภาคส่วน ที่ทำให้ไทยยังคงเป็นจุดหมายปลายยอดนิยมด้านการท่องเที่ยวและการทำงานอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดการกระจายรายได้ในวงกว้างทั้งในภาคท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตลอดจน กระจายไปสู่ชุมชนต่างๆ ทั้งนี้ ขอให้เชื่อมั่นการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่มีการศึกษาแนวทางปัจจุบันในโลกอยู่เสมอ และพร้อมปรับการดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งน้อมรับฟังทุกคำแนะนำที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นโอกาสในการพัฒนาประเทศให้ก้าวทันทุกสถานการณ์ เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน” โฆษกฯ กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น