xs
xsm
sm
md
lg

“โอมิครอน” ข่าวร้าย ดับฝันปลายปี !?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
เมืองไทย 360 องศา

แม้ว่าทำใจไว้ล่วงหน้าแล้วว่า “ต้องมาถึงจนได้” แล้วก็มาจริงๆ สำหรับเจ้าเชื้อไวรัสโควิดมรณะ “กลายพันธุ์โอมิครอน” ที่ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม มีการแถลงอย่างเป็นทางการจากกระทรวงสาธารณสุขแล้วว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสชนิดกลายพันธุ์ดังกล่าว 1 ราย เป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกัน ที่เดินทางมาจากประเทศสเปน

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ แถลงที่กระทรวงสาธารณสุข ว่า ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ย้ำว่า ข้อมูลวันที่ 27 พ.ย.- 3 ธ.ค. ยังเป็นเชื้อ Delta เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยตรวจ 800 ตัวอย่าง พบ Alpha 1 ราย ที่เหลือเป็นเดลตาทั้งหมด ถ้าดูภาพรวมแนวโน้มของประเทศไทย ก็ยังเป็น 99.7% ตั้งแต่เราเปิดประเทศเป็นต้นมามีการเฝ้าระวังคนที่มีผลตรวจเป็นบวก 3 ช่องทางต่างๆ รวมคล้ายๆ กัน จะเป็นเชื้อ Delta ส่วนใหญ่ มี Alpha โผล่มานิดหน่อย 1-2 ราย

ขอย้ำว่า กระบวนการได้มาถึงสายพันธุ์ แต่ตรวจเชื้อในแต่ละวันนั้น ไม่สามารถบอกสายพันธุ์ได้ จำเป็นจะต้องส่งในรายที่เข้ากับเงื่อนไขที่อาจจะทำให้เจอสายพันธุ์ใหม่ๆ เช่น เป็นคลัสเตอร์ อยู่บนบริเวณชายแดน หรือเดินทางมาจากต่างประเทศ ทั้งนี้ การตรวจสายพันธุ์มีอยู่ 3 ระดับตรวจง่ายสุด คือ rt-pcr โดยตรวจตำแหน่งยีนเฉพาะ ซึ่งจะต้องพัฒนาน้ำยาเฉพาะซึ่งภายใน 1-2 วันก็จบ หากสงสัยสายพันธุ์ใหม่จะต้องมีการพิสูจน์อย่างแน่ชัด คือการตรวจรหัสพันธุกรรมบางส่วน ถ้าจะสมบูรณ์ที่สุด คือ ตรวจสายพันธุกรรม ทั้งตัวซึ่งไวรัสมีอยู่ประมาณ 30,000 ตำแหน่ง สำหรับ โอมิครอน มีการใช้การเทียบตัวอย่างตรวจไม่พบตำแหน่ง K417N และ L452R เท่ากับเป็นการติดเชื้อโอมิครอน

เขากล่าวว่า มีตัวอย่างที่ส่งมาจาก Test & Go เมื่อเย็นวันศุกร์ที่ผ่านมา ตรวจพบเบื้องต้นสรุป ณ ขณะนั้นว่าอาจจะเป็นเชื้อโอมิครอน ซึ่งแจ้งทางกรมควบคุมโรคในการสอบสวนโรคแล้ว ถือเป็นรายแรกของประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเป็นเชื้อโอมิครอนจริงหรือไม่

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลล่าสุดจากผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสวิทยา ยังระบุว่า แม้ว่า เชื้อกลายพันธุ์ “โอไมครอน” ที่ว่านี้จะสามารถทำให้ติดเชื้อได้เร็วกว่าสายพันธุ์ที่ผ่านมา 2-5 เท่า แต่ก็เป็นลักษณะการติดเชื้อแบบไม่ค่อยแสดงอาการ หรืออาการไม่รุนแรง และจากข้อมูลที่รับรายงานมาจนถึงขณะนี้ ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อที่ว่านี้

แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ควรประมาท เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อ “โอมิครอน” เริ่มกระจายไปทั่วโลกแล้ว หลังจากเริ่มตรวจพบที่ประเทศในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ แล้วลุกลามไปอย่างรวดเร็วทั่วโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียนใกล้บ้านเรา เริ่มจากสิงคโปร์ และถัดมาก็เป็นมาเลเซีย จนมาถึงประเทศไทยในที่สุด

สำหรับการแพร่ระบาดในประเทศไทยนั้น อย่างที่ระบุตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เพราะเรากำลังเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มันก็ต้อง “โดน” เข้าสักวัน และก็เจอจนได้ เพียงแต่ว่าต้องมีมาตรการตรวจสอบคัดกรองที่รัดกุม ซึ่งในกรณีของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันดังกล่าวที่พบการติดเชื้อเป็นรายแรกในประเทศไทย ก็เป็นการตรวจเชื้อผ่านมาตรฐานการคัดกรอง ที่อยู่ในความควบคุม

แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ การระบาดเข้ามาตามชายแดนตามช่องทางธรรมชาติ จากการหลบหนีเข้าเมืองของแรงงานต่างด้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ที่ควบคุมยาก

อย่างไรก็ดี จากข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่าเชื้อกลายพันธุ์ดังกล่าวผู้ติดเชื้อมักจะมีอาการไม่รุนแรง ยังไม่พบรายงานผู้เสียชีวิตจากทั่วโลก แต่สิ่งที่ต้องกังวล ก็คือ ต้องไม่สร้างภาวะการตื่นตระหนก และเชื่อว่าจากรายงานการพบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์ “โอมิครอน” เป็นรายแรกในไทย จะทำให้เกิดความตื่นตระหนก ตามกระแสหรือไม่ จะเกิดผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวที่กำลังมีแนวโน้มเดินไปได้ดีในช่วงปลายปีต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ทำให้บรรยากาศเฉลิมฉลองต้องซบเซา หรือหยุดชะงักไปหรือเปล่า

จากการแถลงของอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุขข้างต้นที่ยังย้ำว่า เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังน่าเป็นห่วงก็ยังเป็นสายพันธุ์ “เดลตา” ที่เป็นสายพันธุ์หลักที่ยังระบาดในประเทศไทยในเวลานี้ และยังเป็นสายพันธุ์ที่น่ากลัว เพราะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

แต่ถึงอย่างไรตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันในประเทศไทยวันที่ 6 ธันวาคม พบจํานวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ เพิ่มขึ้น 4,000 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3,973 ราย ผู้ติดเชื้อในเรือนจำ / ที่ต้องขัง 27 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 22 คน ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมในช่วงการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ตั้งแต่ 1 เมษายน - 5 ธันวาคม 2564 มีจำนวน 2,116,378 ราย เสียชีวิตสะสม 20,872 คน

จากตัวเลขดังกล่าวทั้งผู้ติดเชื้อรายใหม่ และผู้เสียชีวิต รวมไปถึงตัวเลขผู้ที่หายป่วยถือว่าน่าพอใจ เนื่องจากลดลงเรื่อยๆ หรือในลักษณะทรงตัวในทางที่ลดลง ถือว่าเป็นข่าวดีในช่วงปลายปี แต่จากข่าวการพบผู้ติดเชื้อกลายพันธุ์สายพันธุ์โอมิครอนล่าสุด อาจทำให้เกิดภาวะตื่นตระหนกทำลายบรรยากาศการท่องเที่ยวและการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ลดลงหรือไม่ เพราะหากเกิดความตื่นกลัวขึ้นมา ก็ย่อมส่งผลกระทบไปถึงเศรษฐกิจที่กำลังเริ่มฟื้นตัว เป็นความหวังของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่คาดหวังว่าจะมีอัตราการขยายตัวทั้งปีให้ได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 1 และในปีหน้าต้องการให้ขยายตัว ร้อยละ 4 แต่เมื่อมาเจอกับ “โอมิครอน” ล่าสุด จะเป็นการดับฝันพังครืนลงมาหรือเปล่า

อย่างไรก็ดี นาทีนี้ยังเชื่อว่า รัฐบาลยังคงเดินหน้าเปิดประเทศต่อไป หลังจากมีรายงานตัวเลขการฉีดวัคซีนไปแล้วกว่า 95 ล้านโดส และเกินร้อยละ 70 ไปแล้ว กำลังเข้าสู่เป้าหมายการฉีดให้ถึง 100 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมๆ กับมาตรการคุมเข้มที่คนไทยเริ่มมีความเคยชิน และตระหนักในการป้องกันตัวเอง อีกทั้งเมื่อข้อมูลว่า สายพันธุ์ “โอมิครอน” แม้จะระบาดได้รวดเร็ว แต่ก็ไม่รุนแรง ดังนั้น หากเราตั้ง “การ์ดสูง” เอาไว้อย่างเข้มข้น เชื่อว่า ต้องผ่านไปได้แน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น