โฆษกรัฐบาล เผย นายกฯ สั่งการทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือธุรกิจกลางคืน ผู้ประกอบการรับเยียวยาตามจำนวนลูกจ้างหัวละ 3,000 บาท พนักงานในระบบประกันสังคม ม.33 รับคนละ 5,000 บาท ส่วนศิลปินอิสระราว 1.5 แสนคน ต้องสมัครเข้า ม.40 เพื่อรับเยียวยา
วันนี้ (4 ธ.ค.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีกว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้เร่งหามาตรการเยียวยาช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการและลูกจ้างอาชีพกลางคืนที่ได้รับผลกระทบจากการสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานสรุปผลการเจรจากับตัวแทนสมาคมเครือข่ายนักร้อง นักแสดง นักดนตรี และผู้ประกอบการสถานบันเทิง ผับ คลับ บาร์ คาราโอเกะ โดยเบื้องต้น กระทรวงแรงงาน และสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ได้พิจารณาวงเงิน และหลักเกณฑ์การเยียวยาผู้ที่ได้รับ
ผลกระทบทั้งผู้ประกอบการและลูกจ้าง โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มนายจ้าง สถานประกอบการ ซึ่งส่วนมากอยู่ในส่วนธุรกิจเอสเอ็มอี รัฐบาลจะให้นโยบายเยียวยารายละ 3,000 บาท ตามจำนวนลูกจ้างต่อเดือน
2. กลุ่มลูกจ้างที่อยู่ในระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 อยู่ในธุรกิจ ผับ บาร์ ทั้งเด็กเสิร์ฟ พ่อครัว เสมียนบัญชี จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 รัฐบาลจะให้ประกันสังคมเยียวยาว่างงานจากเหตุสุดวิสัยจ่าย 50% และส่วนที่ 2 หากไม่เพียงพอในการใช้จ่ายจะนำส่วนของเงินกู้สภาพัฒน์ โดยประมาณการตัวเลขเบื้องต้นไว้ที่ 5,000 บาท ทั้งนี้ หากอยู่ในระบบประกันสังคมจะได้ 2 ส่วน โดยให้ประกันสังคมช่วย 50% อีกส่วนขอเงินกู้จากรัฐบาล
3. กลุ่มลูกจ้างที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิลปินอิสระ อาจต้องขึ้นทะเบียนตามมาตรา 40 ของประกันสังคม ได้ตรวจสอบตัวเลขในระบบเบื้องต้นมีจำนวนประมาณไม่เกิน 1.5 แสนรายโดยจะขอให้สมาคม/สมาพันธ์รับรองบุคคลเหล่านี้ รวมทั้งในส่วนผู้ที่เกินอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่เข้าข่ายมาตรา 40 จะประสานให้กระทรวงวัฒนธรรม สำรวจจำนวนเพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเพิ่มเติมด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ หลักเกณฑ์ดังกล่าวจะนำเสนอต่อคณะกรรมการกลั่นกรองงบประมาณกระทรวงการคลัง สภาพัฒน์ และนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเห็นชอบต่อไป
“นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าต้องให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนในทุกสาขาอาชีพให้ได้รับการดูแล บรรเทาความเดือดร้อน อย่างทั่วถึงและครอบคลุมมากที่สุด โดยได้สั่งการให้ทุกภาคส่วนต้องทำงานควบคู่กันเพื่อเร่งพิจารณาหาแนวทางและมาตรการที่เหมาะสม ขณะเดียวกัน ฝ่ายผู้ประกอบการต้องให้ความร่วมมือด้วย โดยเฉพาะการป้องกันการแพร่ระบาด ซึ่งต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ COVID Free Setting เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดให้บริการ” โฆษกรัฐบาล กล่าว