“เปลว สีเงิน” แฉขบวนการอสัตย์ “มหาลัยสหรัฐฯ” รวมหัวแก๊งอาจารย์ไทย หลอก “รุ้ง” ติดคุก-ตายแทน เปิดลึกคนกุมบังเหียนข่าว “สื่อยักษ์”? เคยทำงาน “เครือข่ายต่างชาติ-อดีตผู้บริหารยุคก่อตั้ง iLaw”
น่าสนใจเป็นอย่างยิง วันนี้ (2 ธ.ค. 64) เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “เปลว สีเงิน” แฉขบวนการอสัตย์หลอก “รุ้ง” ติดคุก-ตายแทน พบฐานบัญชาการอยู่ในมหาลัยสหรัฐฯ รวมหัวแก๊งอาจารย์ในไทย
โดยระบุว่า จากวานนี้ (1 ธ.ค. 64) หลังทนายความยื่นคำร้องขออนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว รุ้ง ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 2 คดี ได้แก่ คดีชุมนุม #แต่งครอปท็อปเดินห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 63 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ และคดีชุมนุม #อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 63 ที่ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยทั้งสองคดีมีข้อหาหลักตามมาตรา 112
ต่อมา ศาลทั้งสองแห่งมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวของทั้งสองคดี และมีคำสั่งให้ปล่อยตัวตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. 64 - 12 ม.ค. 65 ตามเหตุจำเป็นที่ต้องไปสอบปลายภาค ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมกำหนดเงื่อนไข 5 ข้อ
ล่าสุด วันนี้ (2 ธ.ค. 64) เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ได้เผยแพร่ บทความของ เปลว สีเงิน ในหัวข้อ ‘บ้านเกิดเมืองนอน’ เดียวกัน ซึ่งได้พูดถึง รุ้ง ปนัสยา ที่ได้รับการประกันตัวชั่วคราว โดยมีเนื้อหาที่น่าสนใจระบุว่า
ผมเชื่อใน “ธาตุดี” ของนักศึกษา….. ด้วย “ไฟบริสุทธิ์” ของคนรุ่นใหม่ ที่อยากให้สังคมบ้านเมืองเป็นอย่างใจฉับพลัน ก็หลงเพริดไปชั่วขณะ กับครูบาอาจารย์อสัตย์เมืองที่หลอกใช้ศิษย์ไปตายหรือไปติดคุกแทน กับแผน “ล่มชาติ-ล้มสถาบัน” ที่ขบวนการนอกชาติ ใช้มหา’ลัยในสหรัฐฯ แห่งหนึ่ง เป็นฐานบัญชาการ แล้วขบวนการจานมหา’ลัยในไทย ก็ประสาน รับแผนล่มชาติมาปฏิบัติการต่อ! ผลประโยชน์จากล่มชาติ-ล้มสถาบัน ที่เขาจ่าย “อสัตย์เมือง” ได้ไปเป็นกอบ-เป็นกำ เศษเดนเป็นของนักศึกษา อย่างดีก็แค่ชีสเค้กและคำป้อยอ เชิดเป็นวีรชนคนรุ่นใหม่บ้าง จะให้ไปศึกษาต่อบ้าง จะให้เป็น “อเมริกัน ซิติเซน” บ้าง
แต่ไม่ทันได้ไป ไม่ตายก่อนก็เสียอนาคตก่อน คือ ต้องคดี ถึงขั้น ติดคุก-ติดตะราง ในขณะที่พวกจานหลอกใช้…. ทั้งไม่ช่วยและช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ยังเสพสุขกันสบาย ทิ้งเก่า หลอกคนใหม่มาเชิดใช้แทน ไม่ใช่เป็นแค่ยุคนี้-สมัยนี้ มันทุกยุค-ทุกสมัย นิสิต-นักศึกษา ส่วนหนึ่งไม่เข้าป่าก็เข้าคุก ร้อยจะมีซักหนึ่ง’จาน ที่เข้าป่าหรือเข้าคุกพร้อมกับนักศึกษา!
ผมดีใจกับเธอ ที่ศาลเมตตา เห็นแก่อนาคต อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “แบบจำกัด” ให้ไปสอบเป็นบัณฑิตธรรมศาสตร์โดยศาลท่านพิจารณาคำร้องแล้ว มีคำสั่งว่า….. การที่จำเลยที่ ๕ (รุ้ง-ปนัสยา) มีภาระในเรื่องการเรียนที่จะต้องเสียหายจากการคุมขัง จึงเป็นเหตุที่สามารถได้รับการพิจารณา เมื่อคำนึงถึงความเสียหายที่จำเลยที่ ๕ อาจก่อขึ้นอีกนั้น อาจจำกัด หรือควบคุมได้ โดยการที่จำเลยที่ ๕ ยินยอม และตั้งใจปฏิบัติตามเงื่อนไขต่างๆ ของศาลที่เข้มงวดยิ่งขึ้นและด้วยการกำหนดเงื่อนไขเงื่อนเวลาและมาตรการกำกับดูแลที่เหมาะสม ที่ประชุมผู้บริหารศาลอาญาพิจารณาแล้ว จึงเห็นควรอนุญาตให้ ปล่อยชั่วคราว จำเลยที่ ๕ อย่างจำกัด โดยให้มีผล เฉพาะตั้งแต่วันนี้ (๓๐ พ.ย.) จนถึงวันที่ ๑๒ ม.ค. ๖๕
ถึงแม้เงื่อนไขอนุญาตประกันดูจะเข้มงวด แต่ถึงอย่างไร รุ้งซึ่งอยู่ในคุกมาแล้ว ย่อมเกิดประสบการณ์ทางเปรียบเทียบได้ว่า เข้มงวดขนาดไหน การได้หายใจนอกคุก มีค่าน่าถวิลหาและทะนุถนอม มากกว่าการเข้าไปหายใจอยู่ในคุกเป็นร้อยเท่า-พันทวี เป็นผม จะใช้ช่วงเวลา ๑ เดือนกับ ๑๒ วัน อย่างมีสติ นอกจากการสอบแล้ว ที่สำคัญ จะทบทวนบทบาทชีวิตตัวเองที่ผ่านมา
มันใช่หรือไม่ใช่ มันผิดหรือมันถูก? อยากบอกรุ้งว่า “ยังไม่สายเกินไปที่จะสร้างสำนึกดีให้กับตัวเอง” รุ้งจะเป็นบัณฑิตแล้ว บัณฑิต คือ ผู้มีปัญญา ผู้มีความรู้ ผู้เป็นนักปราชญ์ ถ้ารุ้งยังคิดเหมือนเดิม ทำเหมือนเดิม การได้ออกมาสอบเป็นบัณฑิต ก็ไร้ค่า บัณฑิตในแผ่นกระดาษ ทุกวันนี้ มันเกลื่อนล้นออกมาจากมหา’ลัย ระกะ-ระกาตามถนน ไปหมกเป็นขยะรกเมือง รุ้งต้องไม่เป็น “บัณฑิตขยะ” นะ
เธอต้องไม่เป็นผลไม้พิษ แม้จะผลิดอก-ออกผลมาจากต้นพิษ ม.ธรรมศาสตร์ ยุคนี้ก็เถอะ! ไม่เพียงรุ้ง นิสิต-นักศึกษา ที่ถูกเขาหลอกใช้เป็นเครื่องมือล้มเจ้าทุกคน วันนี้ ยังไม่สายที่จะใช้สติของว่าที่บัณฑิตทบทวน ก็ดูซิ…ปี-สองปี ที่ยำเยิงเมืองเรื่องล่มชาติ-ล้มสถาบันมา มีจาน’มหาลัยซักคนมั้ย ร่วมเป็น-ร่วมตายในถนน? และมีซักคนมั้ย ถูกหมาย-ถูกคดี?
ปิยบุตร เป็นไง ก็เห็นลอยชาย “หน้านวล” ละเลียดไวน์ บินไปเยี่ยมภรรเมียเพลียสุข ออกสูตร “ปฏิรูปแบบปฏิวัติ” ให้ลูกศิษย์ปฏิบัติ แต่ตัวเอง..เปล่า ลูกศิษย์ขัดเบาอยู่ในคุก ตัวเองเป็นจรวดพุ่งจู๊ดอยู่นอกคุก….สบาย!
เพนกวินล่ะ นิราศร้างห่างแก๊งไปแอ้งแม้งอยู่ในคุกเป็นร้อยวัน มีซักกี่’จานไปเกาะลูกกรงโรยแป้งซับผดที่ง่ามขาให้? และ’จานปิยบุตรที่เคยตามไปกระซิบ “ติวเข้ม” ถึงซอกรูหูกลางม็อบขณะรุ่ง แล้วขณะริ่งอยู่ในคุกตอนนี้ จานยังเป็นแมลงหวี่ไปตอมหูเหมือนเดิมมั้ย? “วีรบุรุษ-วีรสตรี” ที่พวกจานเป่าตูดน่ะ…มีเกลื่อนไป แต่มักอยู่ในสภาพ ไม่ตาย ก็พิการ, ไม่พิการ ก็ป่วย, ไม่ป่วย ก็วิกลจริต ไม่วิกลจริต ก็เป็นไพร่-เป็นทาส ประเภท “เต่าถุย” ตกกลางคืนต้องไปคอยหอนประจบสัมภเวสีตามคลับเฮาส์!
อ่านบทความฉบับเต็ม : https://www.thaipost.net/columnist-people/36791/
ขณะเดียวกัน THE TRUTH ยังโพสต์ประเด็น เปิดลึก คนนั่งแท่นกุมข่าวสื่อยักษ์ใหญ่! เคยทำงาน “เครือข่ายต่างชาติ” อดีตผู้บริหาร iLaw?
เนื้อหาระบุว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 64 ผศ.ดร.วรัชญ์ ครุจิต รองคณบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา คณะนิเทศศาสตร์และนวัตกรรมการจัดการ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และที่ปรึกษาด้านการสื่อสาร ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ฟ้องสื่อยักษ์ใหญ่ระดับประเทศอย่าง หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และไทยรัฐออนไลน์ หลังบทวิเคราะห์การเมืองป้ายสีเป็นไอโอรัฐบาลด่าประชาชน เพราะแชร์ข่าวทีมโควิดรัฐบาลไบเดน มะกันทวงโมเดอร์นา
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (1 ธ.ค. 64) ทางเพจ ThePARASITE ได้โพสต์ข้อความตั้งข้อสังเกตอาจมี “เครือข่ายต่างชาติ” แทรกซึมอยู่ในสำนักข่าวชื่อดังหรือไม่? โดยเฉพาะบางคนมีแนวคิดไปในทางหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ โดยระบุว่า
หลายคนอาจเคยรู้สึกแปลกใจกับคอนเทนต์ข่าวของไทยรัฐออนไลน์ในช่วงปี 2 ปี ที่ผ่านมา ว่า ทำไมถึงเปิดพื้นที่ให้คนที่มีแนวคิดไปในทางหมิ่นเหม่ต่อสถาบันฯ เข้าไปเป็นคอลัมนิสต์ โดยเฉพาะ นักเขียนที่เคยมีประเด็น ชูป้ายเผด็จการ โดยใช้ฉากหลังเป็นรูปในหลวง ร.๙ จนเกิดดรามา และต้องลาออกจาก Mono Group ก็ได้เข้ามาทำงานในไทยรัฐพลัส
ไม่ต้องแปลกใจแล้วนะ เพราะว่า บก.ไทยรัฐออนไลน์ คนปัจจุบัน ไม่ใช่ใครที่ไหน เธอคือ “เจ๊นิ้ว” อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา ผู้นี้นี่เอง
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า “เจ๊นิ้ว” เกี่ยวข้องยังไง ก็ต้องบอกว่า เธอเคยเป็นผู้บริหาร iLaw ยุคบุกเบิก ซึ่งเป็นองค์กรที่รับเงินจาก Open Society Foundation (OSF), Heinrich Böll Stiftung (HBS) และ National Endowment for Democracy (NED) นั่นไงล่ะจ๊ะ
ทีนี้มาดูนักเขียนตัวจี๊ดของไทยรัฐพลัสกันว่ามีใครบ้าง ตัวอย่างเช่น ดาริกา บำรุงโชค, สฤณี อาชวานันทกุล และ พิมพ์ชนก พุกสุข
ดาริกา บำรุงโชค มาจาก EngageMedia องค์กร NGO ในเครือ OSF และในที่สุด ดาริกา ก็ได้เข้าไปเขียนคอนเทนต์ในเว็บไซต์ไทยรัฐพลัส
ในขณะที่ เจ๊ สฤณี อาชวานันทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้าน io จากเครือข่ายพลเมืองเน็ต (รับเงินจาก OSF) เป็นนักเขียนในสังกัด 101 (ที่รับเงินจาก NED) ก็เข้าไปเขียนคอนเทนต์ในเว็บไซต์ไทยรัฐพลัสเช่นกัน
ส่วน พิมพ์ชนก พุกสุข ก็เป็นนักเขียนในสังกัด 101 (ทุน NED) อีกคน ที่เข้าไปเขียนคอนเทนต์ในเว็บไซต์ไทยรัฐพลัสกับเขาด้วย แต่สิ่งที่บางคนอาจลืมไปแล้วก็คือ เมื่อกลางเดือนธันวาคม 62 ในช่วงที่ พิมพ์ชนก ยังเป็นพนักงานบริษัท MONO Group หล่อนเผยแพร่ภาพที่ตนเองชูป้ายในลักษณะที่มิบังควรต่อพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.๙ พอเรื่องมันแดงขึ้นมาแล้วหล่อนทนแรงกดดันไม่ไหว หล่อนก็เลยลาออกจาก MONO Group
พอเห็นเรื่องราวที่มาที่ไปอย่างงี้แล้ว ก็เลยเกิดข้อสงสัยตามมาว่า เครือข่ายต่างชาติส่งคนเข้าไปตีเนียนเขียนข่าวในไทยรัฐหรือเปล่า? เราจะสามารถไขข้อสงสัยที่เกิดขึ้นตลอดปีสองปีที่ผ่านมานี้ได้หรือไม่ว่า ทำไมข่าวเพจไทยรัฐถึงได้เป็นไปในแนวทางนี้
อ้างอิง
อรพิณ ยิ่งยงพัฒนา บก.ไทยรัฐออนไลน์ อดีตผู้บริหาร iLaw
https://plus.thairath.co.th/author/60a773cde90c58001245aafa
https://ilaw.or.th/cca2010
https://www.facebook.com/iLawClub/photos/อรพิณ-ยิ่งยงพัฒนา-จากโครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน-ilaw-กล่าวต้อนรับ-และ/10152792408195551/
ดาริกา บำรุงโชค จาก EngageMedia องค์กรในเครือ OSF
https://plus.thairath.co.th/author/612e3e0abba166001254cc3a
https://www.amnesty.or.th/latest/blog/822/
https://engagemedia.org/about/
สฤณี อาชวานันทกุล นักเขียน 101 ในเครือ NED เขียนคอนเทนทต์ให้ไทยรัฐพลัส
https://plus.thairath.co.th/author/sarinee-achavanuntakul
https://www.the101.world/author/sarinee/
พิมพ์ชนก พุกสุข นักเขียน 101 ในเครือ NED เขียนคอนเทนทต์ให้ไทยรัฐพลัส
https://www.the101.world/author/pimchanok/
https://plus.thairath.co.th/author/60ac57d5c3852c00126d7c48
https://www.facebook.com/…/a.21447011…/2525660800804726/
อย่างไรก็ตาม ทางทีมข่าวเดอะทรูธ ก็ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว และประชาชนก็คงได้เห็นการนำเสนอข่าวของไทยรัฐมาแล้ว ทั้งนี้ ก็ต้องใช้วิจารณญาณตัดสินกันเองว่า แนวทางของสื่อใหญ่นั้นเป็นอย่างไร
แน่นอน, ถ้าทั้งสองเรื่องที่มีการแฉกันออกมาเป็นเรื่องจริง สิ่งที่สังคมไทยจะต้องเดือดร้อนก็คือ การต้องรับมือกับ ทั้งการเคลื่อนไหวของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่ถูกอาจารย์มหาวิทยาลัยต่างชาติ สมคบคิดกับอาจารย์มหาวิทยาลัยไทยบางกลุ่ม หลอกใช้เป็นเครื่องมือ เพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
นั่นเท่ากับ เป็นการเอาเด็กมาเป็นโล่ป้องกันตัวเอง ของอาจารย์เหล่านั้น นอกจากนี้ ยังหวังที่จะให้เกิดความรุนแรงเพื่อป้ายสีโจมตีการปราบปรามของรัฐบาล ที่ทำกับเด็ก เยาวชน อนาคตของประเทศ ซึ่งอ่อนไหวในสายตาชาวโลกอย่างยิ่ง โดยเฉพาะรัฐบาลที่พวกเขาต่อสู้ ต่อต้าน ว่าสืบทอดอำนาจการรัฐประหาร อย่างรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยที่ผู้อยู่เบื้องหลังเหล่านี้ ไม่ได้ลงแรงเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เสี่ยงคุกตะราง อะไรด้วยเลย รออย่างเดียวคือ เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เท่านั้น
และกรณีที่มีข้อสังเกตว่า อาจมีคนบางกลุ่มที่ฝักใฝ่ล้มล้างการปกครองฯ หรือ ต่อต้านสถาบันฯ ไปแทรกซึมในองค์กรสื่อ โดยเฉพาะสำนักข่าวยักษ์ใหญ่ของประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ การรับสื่อของผู้บริโภคในสังคมไทย จะถูกปลูกฝังความคิดเอียงข้าง ด้วยข้อมูลที่ไม่ตรงไปตรงมา หรือ ความจริงเพียงครึ่งเดียวหรือไม่
เพราะเมื่อดูจากตัวบุคคลที่เป็นระดับกุมทิศทางข่าว และนักเขียนหลัก ล้วนแล้วแต่ผ่านประสบการณ์ที่ชวนสงสัยทั้งสิ้น
ที่สำคัญ นี่อาจถือเป็นกลยุทธ์หนึ่ง ของขบวนการ “3 นิ้ว” อยู่แล้ว ที่พยายามจะแทรกซึม ยึดกุม และทำงานทางความคิดกับทุกอาชีพ ทุกวงการของประเทศไทยให้ได้มากที่สุด
โดยเฉพาะองค์กรที่มีอิทธิพลทางความคิดสูง อย่าง สื่อมวลชน มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษา ซึ่งล้วนแล้วแต่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ ด้วยเทคนิควิธีการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่ง
ไม่แน่ การต่อสู้ลงท้องถนนเมื่อเจอทางตัน อาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ใหม่ หรือไม่ก็ทำไปพร้อมกัน อย่าลืมว่า พวกเขาจุดประกายเอาไว้แล้ว เหลือก็แต่การเอาชนะอย่างแท้จริง ที่พวกเขาตั้งความหวัง เอาไว้ที่การเปลี่ยนแปลงทางความคิดนั่นเอง เรื่องนี้แกนนำคนสำคัญก็เคยพูดเอาไว้แล้วด้วย
ทั้งหมดอยู่ที่สังคมไทย คนไทยจะรู้เท่าทันเกมได้อย่างไร หรือไม่ เท่านั้นเอง
