ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “ผู้กองเค้ก” บอดี้การ์ดหญิงลุงตู่ ออร่าน่ารักทะลุมาสก์
ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวานนี้ มีรายงานว่า เกิดเสียงฮือฮาในระหว่างที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังเดินเข้าประชุม ครม. เพราะนอกจากจะมีคณะทำงาน และทีมรักษาความปลอดภัยจาก ร.21 ตามปกติแล้ว ยังปรากฏภาพของตำรวจหญิงสวมชุดเครื่องแบบเต็มยศ เดินประกบนายกรัฐมนตรีด้วย
เรียกว่า ท่วงท่า บุคลิก แม้จะสวมเครื่องแบบและปิดหน้ากากอนามัยของตำรวจหญิงรายนี้ ออร่า ความสวยและน่ารักก็ยังทะลุมาสก์ออกมาให้เห็นเด่นชัด ขโมยซีนท่าทางเคร่งเครียดของ “ลุงตู่” ไปเต็มๆ
สืบความได้ว่า ตำรวจหญิงคนดังกล่าวนี้ คือ ร.ต.อ.หญิง ณัฐนรี นาคสิงห์ หรือ “ผู้กองเค้ก” โดยเธอเป็นนายร้อยตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจสันติบาล 3 ซึ่งเพิ่งย้ายเข้ามาปฏิบัติหน้าที่บอดี้การ์ดลุงตู่ หมาดๆ หลังจากที่ทีมตำรวจหญิงชุดเดิมหมดภารกิจไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
เมื่อวนรอบมาถึงชุดใหม่ ซึ่ง “ผู้กองเค้ก” ถูกเลือกมาพร้อมกับเพื่อนตำรวจหญิงอีก 5 นาย มีทั้งระดับสัญญาบัตรและประทวน โดยทั้งหมดผ่านการฝึกการอารักขามาอย่างดี หน้าที่หลักคือ การอารักขานายกรัฐมนตรี ร่วมกับทีมรักษาความปลอดภัย ที่อยู่ทั้งที่ทำเนียบรัฐบาลและภารกิจต่างจังหวัด
ว่ากันว่า “ร.ต.อ.หญิง ณัฐนรี” นอกจากการมีรูปร่างหน้าตาดีแล้วเมื่อวาน เธอยังโดดเด่นด้วยชุดเครื่องแบบข้าราชการตำรวจหญิงเต็มยศ เพราะได้รับการร้องขอมาจาก “ลุงตู่” ให้แต่งเครื่องแบบตำรวจในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในทำเนียบรัฐบาล โดยก่อนหน้า เธอจะแต่งกายด้วยชุดสูทเพื่อความคล่องตัวในการปฏิบัติหน้าที่
ว่ากันว่า ที่ ลุงตู่ต้องขอมาแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการครหากลัวถูกคนไม่รู้ นินทานำไปวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีข่าวว่า “บรรดาแม่ยก” ของลุงตู่บางคนไม่พอใจ เมื่อเห็นภาพคณะทำงานหญิงซึ่งเป็นข้าราชการประจำปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดลุงตู่
“ผู้กองเค้ก” ณัฐนรี นาคสิงห์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจตามโครงการนักเรียนนายร้อยตำรวจหญิง รุ่นที่ 5 ของรั้วสามพราน เป็นลูกสาวคนเดียวของ “พ.ต.อ.สุรกาญจน์ นาคสิงห์” ผู้กำกับการฝ่ายอำนวยการ กองตำรวจสื่อสาร สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 41
“ผู้กองเค้ก” จึงถือว่าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น มีพ่อที่เป็นตำรวจเป็นไอดอล เดิมทีนั้นมีความใฝ่ฝันในวัยเด็กอยากทำงานแอร์โฮสเตสเหมือนแม่ โดยคิดหวังจะได้เดินทางท่องเที่ยวไปรอบโลก แต่ระหว่างเรียนชั้น ม.6 เห็นประกาศรับสมัครนายร้อยตำรวจหญิง รุ่นที่ 5 ด้วยความที่พ่อเป็นตำรวจเลยให้มาลองสอบดูซึ่งแม่ก็สนับสนุน
ในความเชื่อมั่นตามรอยพ่อที่เป็นตำรวจ แต่ตัวเธอเป็นผู้หญิง “ผู้กองเค้ก” เคยบอกว่า หลายคนอาจจะมองว่า ตำรวจหญิงอาจจะทำไม่ได้เท่าตำรวจชาย แต่จริงแล้วศักยภาพของนายร้อยตำรวจหญิง สามารถทำได้ทุกสายงาน เป็นผู้กำกับโรงพักก็ได้ อนาคตก็อาจเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ถ้าเขาให้โอกาส เพราะอยู่โรงเรียนนายร้อยตำรวจ ก็ฝึกเหมือนผู้ชายทุกอย่าง แทบไม่ต่างกัน แค่แยกที่นอนกันเฉยๆ นอกนั้นก็อยู่ฝึก อยู่เรียนเหมือนกันหมด
เส้นทางอาชีพของ “ผู้กองเค้ก” หลังจบจากรั้วสามพรานมาเมื่อปี 61 ก็เริ่มต้นได้สวย ก่อนจะมาอยู่ ที่ บก.น.3 “ผู้กองเค้ก” เคยอยู่ที่ บก.น.6 ทำหน้าที่ รอง สว. (สอบสวน) สน.บางรัก ที่รู้กันว่าเป็นพื้นที่เกรดเอ ที่น้อยคนจะมีโอกาส หากไม่มีฝีมือความเก่ง ความสามารถพอตัว
บนเส้นทางตำรวจของเธอที่ยังอีกยาวไกล นาทีนี้ก็ต้องบอกว่า นอกจากความสวย น่ารัก มีฝีมือ ร้อยตำรวจเอกหญิงผู้กองเค้ก คนนี้ย่อมไม่ธรรมดาแล้ว
**“พส.สมปอง” บอกอีก 2 ปีสึก จะเป็นนักข่าว พิธีกร พากย์บอล หรือเล่นตลก ก็ไหล
ค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า “พส.ไพรวัลย์” แห่งวัดสร้อยทอง สึกแน่ เพราะนอกจากจะโพสต์ บอกลาญาติโยม แฟนคลับ หารถขนข้าวของซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนังสือ และเตรียมฟ้องสื่อที่หาว่า “ร่ำรวยผิดปกติ” แล้ว ยังมี “พส.สมปอง” ที่มาคอนเฟิร์มให้อีกเสียง ในวันที่ออกทริปเชียงใหม่เป็นเที่ยวสุดท้ายด้วยกัน ว่าสึกแน่ ไม่วันที่ 4 ก็วันที่ 5 ธ.ค.นี้
ในฐานะที่เป็นคู่หู คู่ฮา คู่(ร่ำ)ไห้ และถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคม ถูกกดดันจาก “พระผู้ใหญ่” มาด้วยกัน เมื่อรูปหนึ่งสึก ในโซเชียลฯ จึงมีปุจฉาถึง “พส.สมปอง” ว่าจะสึกด้วยหรือไม่ จะสึกเมื่อไร ...
“พส.สมปอง” ก็วิสัชนาว่า ได้เตรียมลาสิกขาเช่นกัน โดยกำหนดมานานแล้วแต่ได้เลื่อนไปก่อน เพราะต้องเรียน ทำงาน และยังมีกิจนิมนต์จากญาติโยมอยู่
ส่วนที่วางแผนว่าจะสึกนั้น หลักใหญ่ใจความ คือ สึกออกไปดูแลโยมแม่ ซึ่งตอนนี้พี่สาวดูแลอยู่ ส่วนเรื่อง “เจ้าคุณอุทัย” ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ก็มีส่วนเหมือนกัน แต่ไม่ได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือน “พส.ไพรวัลย์” ซึ่งก็ไม่มีใครดูแลโยมแม่เหมือนกัน
“พส.สมปอง” บอกว่าเคยพูดและกำหนดไว้แล้วว่า จะสึกในวันครบรอบวันเกิด 45 ปี คือ วันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 หรืออีก 2 ปีข้างหน้า
... ชีวิตอาตมาพลิกมาเยอะ ตอนเรียนจบใหม่ เพื่อนก็ช่วยลาสึกมาแล้ว เพื่อไปเป็นอาจารย์ แต่ก็ยังไม่สึก อาตมาจะสึกก็เพราะตัวอาตมาเอง ไม่ได้เป็นเพราะใคร ไม่เกี่ยวกับใคร ไม่ได้เป็นผลงานใคร ไม่ต้องไปรับเงิน เพราะคนตัดสินสุดท้าย คือ ตัวอาตมา การลาสึกเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเพื่อนพระที่เรียนมาด้วยกันก็ลาสึกถึง 90% ...
ส่วนเมื่อสึกไปใช้ชีวิตฆราวาส นอกจากดูแลโยมแม่แล้ว จะทำมาหากินอะไรนั้น ดูเหมือนไม่ใช่ปัญหา เพราะ “พส.สมปอง” สั่งสมประสบการณ์ทางโลกไว้เยอะ โดยเฉพาะโลกของคนรุ่นใหม่ โลกโซเชียลฯ จะทำอาชีพนักข่าว เป็นพิธีกร ผู้ประกาศข่าว นักพากย์บอล หรือเล่นตลก ก็น่าจะลื่นไหล
เมื่อข่าว “พส.สมปอง” จะสึกเผยแพร่ออกไป ก็มีทั้งคนสนับสนุน และคัดค้าน มีทั้งอารมณ์ และเหตุผล ปนมาในคอมเมนต์ ...ขนาดนักร้องอย่าง “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา ยังโพสต์เฟซบุ๊กว่า “ไม่เห็นด้วย พส.สมปอง จะลาสิกขาละทิ้งธรรม ส่วน พส.ไพรวัลย์ มาอยู่ทางโลกเหมาะสมแล้ว”
ในวงการสงฆ์ ว่ากันว่าถ้า “ผ้าเหลืองร้อน” ขึ้นมาเมื่อไรก็ห้ามกันไม่ได้ โดยเฉพาะ พส.ที่เข้ามา “บวชเรียน” เมื่อสำเร็จการศึกษา ได้ปริญญาตรี ปริญญาโท แล้วส่วนใหญ่ผ้าเหลืองจะเริ่มร้อน อยากสึกไปใช้ชีวิตฆราวาส เพื่อเป็นนั่น เป็นนี่ ไม่รอจนแก่เฒ่า เฝ้ากุฏิ
เพราะเดี๋ยวจะเข้าตำรา เข้าข้อครหาที่ว่า “บวชเมื่อแก่แพ้ขันธ์ 5 สึกเมื่อแก่แพ้ตัณหา!!”