“เพื่อไทย” ห่วง “โอไมครอน” ฉุดเศรษฐกิจ ทำลายการท่องเที่ยว เตือน “ประยุทธ์” อย่าประมาท-รับมือให้ดี หลังให้ข่าาวสวนทางองค์กรนานาชาติ แนะตามสถานการณ์ใกล้ชิด ก่อนเตือน ปชช. ชี้ต้องเร่งสั่งวัคซีนที่ป้องกันไวรัสกลายพันธุ์หากจำเป็น
วันนี้ (30 พ.ย.64) นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม ส.ส.เชียงใหม่ รองเลขาธิการ และคณะทำงานเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดกลายพันธุ์ชนิดใหม่ชื่อ “โอไมครอน” ว่า โควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้สร้างความกังวลให้กับประเทศต่างๆทั่วโลก รวมถึงสหประชาชาติ (UN) และองค์กรอนามัยโลก (WHO) จากข้อมูลเบื้องต้นพบว่า สามารถแพร่ระบาดเร็วมากอาจจะเร็วกว่าสายพันธุ์เดลต้าเสียอีก และวัคซีนปัจจุบันอาจจะป้องกันไวรัสได้น้อยหรืออาจจะไม่ได้เลย โดยปัจจุบันได้มีประเทศต่างๆกว่า 69 ประเทศที่เริ่มจำกัดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าออกประเทศแล้ว และมี 17 ประเทศแล้วที่มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนี้ ดังนั้นจึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข และระบบเศรษฐกิจของไทยอย่างรุนแรงได้
“จากการให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์ และทีมงานยังฟังเหมือนสับสน หลายครั้งที่ต่างกันกับสถานการณ์และข่าวสารในต่างประเทศ จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพราะการเปลี่ยนแปลงอาจจะรวดเร็ว จึงอยากให้เฝ้าระวังและได้ข้อมูลที่แน่ชัดก่อนค่อยแถลง เพื่อป้องกันความสับสนที่อาจจะเกิดขึ้นได้ อีกทั้งเตรียมพร้อมหากจำเป็นต้องสั่งวัคซีนชนิดใหม่เพื่อป้องกันไวรัสสายพันธ์ุโอไมครอนนี้” นายจักรพล กล่าว
นายจักรพล กล่าวอีกว่า จากข้อมูลล่าสุด บริษัทผลิตวัคซีนโมเดอร์นาเชื่อว่าจะสามารถผลิตวัคซีนป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนได้ แต่ก็อยากให้คนทั่วไปได้ฉีดวัคซีนเข็มสาม (Booster) ที่เป็นโมเดอร์นาก่อน เพราะเชื่อว่าน่าจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนนี้ได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งทางโนวาแว็กก็กำลังค้นคว้าวัคซีนใหม่เพื่อป้องกันไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนี้เช่นกัน ขณที่วัคซีนที่ประเทศไทยกระจายฉีดให้กับประชาชนทั่วไปมีคุณภาพที่อาจจะป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนไม่ได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วให้ยิ่งทรุดหนัก โดยคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยจะตามติดสถานการณ์ไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอนนี้อย่างใกล้ชิด เพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้เตรียมพร้อมและระมัดระวังหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป
“สถานการณ์หลังเกิดเหตุการณ์ระบาดของไวรัสสายพันธ์ุโอไมครอนทำให้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงทั่วโลก และ ราคาน้ำมันลดลงถึง 10 ดอลล่าร์ แต่เริ่มเด้งกลับขึ้นมาแล้ว และน่าเป็นห่วงว่าหากประเทศไทยรับมือไม่ดีอาจจะเกิดการระบาดในไทยได้ เพราะปริมาณการฉีดวัคซีนยังไม่ได้ตามเป้าหมาย และวัคซีนที่ฉีดทั่วไปในไทยไม่สามารถป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ได้” นายจักรพล ระบุ.