ข่าวปนคน คนปนข่าว
** “แอนชิลี” มงยังไม่ลง ดรามา “ธง” มาก่อน “นักร้องกราบเรียน” ก็มีสิทธิ์เจองานงอกนะจะบอกให้
บินลัดฟ้าไปอิสราเอลเรียบร้อย สำหรับ “แอนชิลี สก็อต-เคมมิส” ตัวแทนประเทศไทย สู่จักรวาล เพื่อประกวด Miss Universe 2021 แต่ดรามาที่เกิดขึ้นกับแผนโปรโมตเรียกเสียงเชียร์ทีมไทยแลนด์ให้น้อง “แอนชิลี” ยังว่อนเน็ต
เรื่องนี้เกิดขึ้นมาเพราะว่าเพจ Miss Universe Thailand ได้โพสต์ภาพเพื่อขอกำลังใจเสียงเชียร์ “แอนชิลี สก็อต-เคมมิส” Miss Universe Thailand 2021 โดยเป็นภาพเธอยืนถือธงชาติ และเหยียบอยู่บนกราฟิกสีธงชาติไทย จากนั้นก็มีชาวเน็ตจำนวนมากมองว่าไม่เหมาะสม
กระทั่งไปเข้าหูเข้าตา “สนธิญา สวัสดี” อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการ การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร หรือ “นักร้อง” เจ้าของวลี “กราบเรียน” ที่มีชื่อมาจากการร้องเรียนสารพัดเรื่อง แม้บางเรื่องจะถูกสังคมมองว่า “ขี้หมูราขี้หมาแห้ง” ก็ตาม ซึ่งเขาก็ไม่พลาด “ขอแสง” จากเรื่องนี้ ตรงเข้ายื่นเอาผิดน้องแอนชิลี จนได้
ในข้อร้องทุกข์ดำเนินคดี มิสยูนิเวิร์ส นักร้องกราบเรียน ได้ระบุวา “แอนชิลี สก็อต-เคมมิส” เข้าข่ายกระทำความผิด ตาม พ.ร.บ.ธง 2522 มาตรา 53, 54 และกฎหมายอาญา มาตรา 118
รวมๆ แล้ว ในสายตาของ “สนธิญา” เห็นว่า นางงามกระทำต่อธง เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เมื่อนักร้องมา ดรามาก็กระพือขึ้นไปอีก “ทนายเกิดผล แก้วเกิด” ก็แสดงความเห็นสำทับ ว่า จริงๆ จะเป็นธงจริง หรือกราฟิกแต่มันเป็นลักษณะของธงชาติ บ่งบอกว่าเป็นธงชาติ หรือว่าภาพฉาย ถ้าเป็นลักษณะเจตนาดูถูกเหยียดหยามก็ผิด จากรูปนั้นมองว่า เข้าข่ายดูหมิ่นเหยียดหยามธงชาติ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
แต่อย่างไรก็ตาม ฝ่ายของกองประกวด โดย “ปุ้ย TPN” หรือ “ปุ้ย ปิยาภรณ์” ผอ.กองประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ และผู้บริหารทีพีเอ็น โกลบอล ชี้แจงในเวลาต่อมาว่า ภาพที่เป็นประเด็นเป็นภาพกราฟิก ซึ่งตัวนางแบบไม่มีส่วนรู้เห็น โดยต้องการสื่อถึงความยิ่งใหญ่ของคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
กราฟิกที่ทำขึ้นมาไม่ใช่ธง แต่เป็นผ้าสีที่สื่อถึงความเป็นไทย แต่ในเมื่อบางคนไม่สบายใจ ก็เอาภาพนั้นออกจากเพจแล้ว ส่วนกรณีแจ้งความคงแล้วแต่เขา เพราะแจ้งความไป ไปแจ้งความแอนชิลี แต่แอนชิลีไม่ได้เป็นคนทำ พี่ปุ้ยว่า “สังคมมันแตกแยกเพียงพอแล้ว เราต้องทำให้มันไม่แตกแยก อย่ามาจุดประกายนู่นนี่นั่นเลย”
นี่ก็ตรงกับความเห็นของ “เดชา กิตติวิทยานันท์” ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ที่กล่าวผ่านช่องยูทูบ ทนายคลายทุกข์ Official ว่า...จากการดูข้อกฎหมายในเรื่องนี้แล้ว การกระทำของน้องแอนชิลี ต้องดูที่เจตนา ซึ่งเจตนาของเธอ คือ ต้องการโปรโมตส่งเสริมประเทศไทย ดูแล้วการกระทำของน้องไม่น่ามีความผิดทางอาญา ในความเห็นส่วนตัวการตีความต้องตีแบบเคร่งครัด จะตีแบบขยายไปลงโทษคนไม่ได้
และถ้าเกิดว่ามีการแจ้งความแล้ว น้องแอนชิลี ได้รับความเสียหาย สมมติว่า มีการแจ้งความเท็จ เพื่อกลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา จะมีโทษจำคุก ตามมาตรา 174 วรรค 2 จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 100,000 บาท ขอเตือนว่า ใครที่จะไปแจ้งความมิสยูนิเวิร์ส ก็ต้องระวัง ถ้าเป็นการแจ้งความเท็จ
สรุปว่า กองประกวด กับ น้องแอนชิลี มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ กำลังจะไปชิงมงกุฎ มงยังไม่ทันลง ดรามา “ธง” ก็มาลงก่อนเสียนี่ ขณะที่ “นักร้องกราบเรียน” สนธิญา สวัสดี ก็อาจเจอ “บูมเมอแรง” ย้อนกลับหากเป็นอย่างที่ทนายเดชาบอกไว้ ให้ระวังแจ้งความเท็จ
งานนี้ ระหว่าง มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ กับ นักร้องกราบเรียน ใครจะงานงอก ก็โปรดติดตามกันต่อไป.
** นายกฯ ซื้อไอโฟน แจก ขรก.ทำเนียบฯ... ของมันต้องมี เพียงแต่ไม่ถูกที่ถูกเวลา!!
เรื่อง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้งบ 2.68 ล้าน ซื้อไอโฟน แจกข้าราชการทำเนียบฯ นี่ก็เป็นดรามาประจำวันเหมือนกัน
ที่มาของเรื่องก็คือ ในโซเชียลฯ มีการเผยแพร่ สัญญาซื้อขายระหว่างสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) กับ บริษัท สหธุรกิจ จำกัด ในการจัดซื้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (มือถือ) ยี่ห้อ Apple รุ่น iPhone 12 จำนวน 111 เครื่อง มูลค่า 2,681,355.80 บาท
iPhone 12 ที่จัดซื้อนั้นมี 2 ขนาดความจุ คือ ขนาด 128GB จำนวน 23 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 26,440 บาท รวมวงเงิน 608,120 บาท และ ขนาด 64GB 88 เครื่อง ราคาต่อหน่วย 24,570 บาท วงเงินรวม 2,162,160 บาท
ชาวเน็ตสงสัยว่า iPhone 12 นั้น ถือว่า “ตกรุ่น” ไปแล้ว และการจัดซื้อคราวละเป็นร้อยเครื่องอย่างนี้ น่าจะได้ในราคาพิเศษที่ถูกกว่าท้องตลาดหรือไม่ ...จึงเข้าไปเช็กที่ เว็บไซต์ Apple (Thailand) พบว่า ปัจจุบันราคาขาย iPhone 12 ขนาด 128GB อยู่ที่เครื่องละ 27,900 บาท และ iPhone12 ขนาด 64 GB อยู่ที่เครื่องละ 25,900 บาท ซึ่งนั่นเท่ากับว่าราคาที่จัดซื้อนั้น ถูกกว่าราคาขายตามท้องตลาดทั่วไป แต่ก็ไม่ได้ถูกกว่ากันมากนัก
เป็นอันว่าเรื่องทุจริต คอร์รัปชัน ตัดไป!!
แต่ด้วยอารมณ์ของสังคม ที่ขณะนี้กำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ทั้งการทำมาหากินฝืดเคือง น้ำมันแพง สินค้าอุปโภค บริโภคแพงทุกอย่าง เมื่อมาเจอเรื่องใช้เงินหลวง ซื้อไอโฟนให้ข้าราชการใช้ จึงอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์จนกลายเป็นประเด็นดรามา ทั้งที่จำนวนงบประมาณที่ใช้ ก็ไม่ได้มากมายเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน แค่ 2.68 ล้านเท่านั้น
...ดรามากันว่า มีความจำเป็นแค่ไหนที่จะต้องซื้อไอโฟน ทั้งที่ยี่ห้ออื่นในท้องตลาด ที่ราคาถูกกว่า ก็มีคุณสมบัติในการใช้งานที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน และบรรดาข้าราชการเหล่านั้น ก็น่าจะมีสมาร์ทโฟนใช้กันอยู่แล้ว เพราะในยุคนี้ไม่ว่าลูกเด็กเล็กแดง ก็มีใช้กันทั้งนั้น ทำไมต้องใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อให้อีก
เรื่องนี้ “นัทรียา ทวีวงศ์” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำ ต้องรีบออกมาชี้แจงทันทีว่า... เงินที่ใช้ในการจัดซื้อดังกล่าว เป็นงบของสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ใช้ในการจัดซื้อโทรศัพท์มือถือ สำหรับผู้บริหาร และระดับผู้อำนวยการ ที่มีความจำเป็นในการใช้งาน ซึ่งชุดที่ใช้อยู่ในปัจจุบันครบวงรอบใช้งานแล้ว จึงต้องจัดซื้อมาทดแทนของเก่าที่กำลังจะครบรอบการใช้งานตามสัญญาจ้างเดิม และการจัดซื้อครั้งนี้ก็ได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลาง โดยมีสเปกครบตามแบบที่ต้องการทุกอย่าง
เครื่องที่มีสเปกความจุ 128GB นั้น สำหรับผู้บริหาร และผู้บริหารระดับสูง สำหรับอธิบดี และ ซี10 ส่วนความจุ 64GB ระดับ อำนวยการ และอำนวยการสูง ... ที่ต้องซื้อถึง 111 เครื่อง เพราะใช้ทั้งในส่วนของ ข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง ทั้งตำแหน่งรองนายกฯ-รัฐมนตรี ที่ปรึกษาฯ เลขาธิการฯ ทีมโฆษกรัฐบาล ... แต่นายกรัฐมนตรี ไม่รับโทรศัพท์ดังกล่าวนี้
นี่ขนาดนายกฯไม่ได้รับเอาไว้ใช้ ยังดรามาขนาดนี้ ถ้ารับไว้ละก็ไม่รู้จะเป็นสภาพไหน...
ส่วนที่ว่าทำไม่ต้องเป็นไอโฟน ...ทำไมต้องเป็นแอปเปิล เรื่องนี้ก็น่าจะพอเข้าใจกันได้ว่า นอกจากจะเรื่องคุณสมบัติการใช้งานแล้ว ภาพลักษณ์ของแบรนด์ที่อยู่ในระดับ “ลักชัวรี่” ซึ่งใครๆ ก็อยากมีไว้ใช้ แล้วนี่คนที่จะใช้เป็นถึงระดับรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูงในทำเนียบฯ จะไปซื้อยี่ห้ออื่นให้ใช้ก็จะดูกระไรอยู่ ...ก็ของมันต้องมี !!
เป็นอันว่าเรื่องใช้งบหลวงซื้อไอโฟนลอตนี้ ไม่ใช่เรื่องเกินเลย ไม่ใช่เรื่องทุจริต เพียงแต่วงรอบการจัดซื้อ บังเอิญไม่ถูกจังหวะ ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา ดรามาจึงบังเกิด !!