โฆษกรัฐบาล เผย นายกรัฐมนตรี สั่งจับตาสถานการณ์น้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด ขณะที่รอง นรม. และรมว.พน. ยืนยันนโยบายรัฐบาลตรึงราคาน้ำมันดีเซล 30 บาท/ลิตร บรรเทาความเดือดร้อนผู้บริโภคให้มากที่สุด
วันนี้ (23 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามสถานการณ์น้ำมันโลกอย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีได้เชิญรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่เกี่ยวร่วมหารือถึงทิศทางและแนวโน้มราคาพลังงานโลกด้วย
ทั้งนี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้กล่าวกับสื่อมวลชนภายหลังการประชุมร่วมกับนายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ติดตามแนวโน้มราคาพลังงานโลกที่ผันผวน เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชนและผู้ประกอบการให้มากที่สุด โดยรัฐบาลยังมีนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท ขณะที่ การบริโภคน้ำมันของตลาดใหญ่ เช่น สหรัฐอเมริกา ยังมีความต้องการใช้สูง ซึ่งในวันที่ 4 ธันวาคม นี้ องค์กรร่วมประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก หรือ โอเปก จะมีการประชุมเพื่อทบทวนปริมาณการผลิต ซึ่งต้องมีการติดตามผลการประชุมอย่างใกล้ชิด
รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ หลายประเทศ อาทิ สหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ได้นำน้ำมันสำรองมาใช้จนมีผลกระทบต่อราคาน้ำมันในตลาดโลก แม้ราคาน้ำมันในประเทศไทยจะเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นและปรับลดลง โดยในวันพรุ่งนี้ (24 พ.ย.) กลุ่ม ปตท. จะมีการประกาศลดราคาน้ำมันลงมาอีก เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงประกอบกับมาตรการชดเชยของรัฐบาลที่ยังคงอยู่ ซึ่งในการพูดคุยเห็นว่า ควรปล่อยให้ราคาน้ำมันในประเทศเป็นไปตามกลไกตลาด แต่ยังคงตรึงเพดานราคาน้ำมันดีเซลที่ไม่เกิน 30 บาท/ลิตร และยังคงใช้การชดเชยจากกองทุนน้ำมันอย่างต่อเนื่องไปอีกสักระยะ เนื่องจากยังไม่แน่ใจถึงสถานการณ์โลกกจะหยุดนิ่งอย่างไร ยังไม่เป็นมาตราการอื่นเพิ่มเติมในขณะนี้
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังกล่าวขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันเปิดประเทศ เพราะความพยายามเปิดประเทศอย่างยั่งยืน โดยไม่ให้มีสถานการณ์โควิด-19 ระลอกใหม่เกิดขึ้นซ้ำเติม จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะหากต้องล็อคดาวน์ขึ้นมาอีก ประชาชนและเศรษฐกิจก็จะได้รับผลกระทบอีก