"สุทิน" เผย ให้สิทธิ์ก้าวไกล แยกยื่นแก้กม.ลูก ชี้ มีความเป็นไปได้หากยุบสภาทำร่างสะดุด หลังรบ.ออกอาการหัวคะมำในสภาบ่อย จ่อเตรียมยื่นอภิปรายทั่วไปหลังปีใหม่
วันนี้ (23 พ.ย.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าจัดทำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลได้พูดคุยกันแล้วว่าจะให้เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมืองได้เสนอร่างกฎหมายตามจุดยืนของตนเอง ซึ่งเราก็เคารพกัน เพราะเรื่องนี้เราไม่ได้เห็นตรงกันทั้งหมดตั้งแต่ต้น เช่นเรื่องวิธีการคำนวนคะแนน โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลก็พร้อมที่จะยื่นเสนอร่างกฎหมาย ซึ่งในส่วนของพรรคเพื่อไทยมี 2 ฉบับ โดยตามขั้นตอนเรามีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนร่วมด้วยตลอด และในวันนี้จะเป็นการประชุมส.ส.พรรคเพื่อไทย คิดว่าคงมีการลงนามเพื่อยื่นญัตติ คาดว่าใช้เวลาไม่นาน แต่ในส่วนของพรรคก้าวไกลตนไม่แน่ใจว่าจะเสนอกี่ฉบับ เพราะเมื่อเห็นต่างกันก็ต้องยื่นคนละฉบับ และมาเจอกันในสภาฯ ขณะที่พรรคฝ่ายค้านอื่นตนคิดว่าคงไม่ยื่น ทั้งนี้เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ต้องว่ากันตามนั้น
ส่วนกรณีที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองช่วงนี้ จะทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายลูกทั้งสองฉบับสะดุดลง นายสุทิน กล่าวว่า มันก็เป็นไปได้ตลอด แม้ในใจรัฐบาลอาจคิดว่าอยากลากยาว แต่มันก็ทำไม่ได้อย่างที่คิด หากศรัทธาของประชาชนเสื่อม ปัญหาเศรษฐกิจแก้ไขไม่ได้ และในพรรครัฐบาลยังคุยกันไม่รู้เรื่อง แบบนี้ก็ไปได้ก่อนเวลาอันควรเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ทุกสัปดาห์ในการประชุมสภาฯที่องค์ประชุมไม่ครบที่สะท้อนว่าไม่เป็นเอกภาพที่หัวคะมำได้ตลอด ที่นายชวนเตือนไว้ก็มีเหตุผล
นายสุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 ว่า ได้ข้อสรุปแล้วว่าเราจะยื่นหลังปีใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยเมื่อเปิดการประชุมสภาฯช่วงหลังปีใหม่ก็คงจะเป็นครึ่งเทอมพอดี เราก็ให้รัฐบาลเขาทำงาน และคิดว่าปัญหาที่น่าเป็นห่วงที่สุดอาจจะไปเกิดช่วงนั้น เพื่อเราจะได้มีคำแนะนำ ให้คำปรึกษาและท้วงติงรัฐบาลในช่วงนั้นที่มีหลายปัญหา เช่นเรื่องเศรษฐกิจที่เราคิดว่าหลังจากเปิดประเทศมาหลังปีใหม่ก็น่าจะประเมินได้แล้วว่าเป็นไปอย่างที่หวังหรือไม่ หรือเปิดประเทศแล้วสูญเปล่า และเราเป็นห่วงว่าโควิด-19 จะกลับมาระบาดอีกครั้งหลังช่วงปีใหม่ รวมถึงเรื่องการละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่มีการคุกคามกันหนักขึ้น เราคิดว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่ร้อนระอุ รวมถึงเรื่องต่างประเทศที่กำลังเดินอยู่ตอนนี้ ที่อาจจะไปแดงไปบวมกันตอนนั้นก็ได้
การที่ฝ่ายค้านบอกว่าเป็นเรื่องร้อนระอุ แต่ฝ่ายส.ว.มองว่าเป็นเรื่องการเมืองมากกว่า นายสุทิน กล่าวว่า แน่นอนว่าเป็นเรื่องการเมือง แต่ถ้าเราอยู่ในกฎเกณฑ์ กรอบกฎหมาย มารยาท มันก็จะไม่ระอุ การเมืองก็เป็นการเมืองที่นิ่งเงียบและระอุได้อยู่ที่ปัจจัย ใครเป็นคนที่ทำให้ปัจจัยระอุเท่านั้นเอง รวมถึงการที่ นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) เชื่อว่าไม่สามารถไปตัดอำนาจส.ว.ได้ เพราะส.ว.มาตามรัฐธรรมนูญ และยังต้องอยู่ในวาระอีก 2 ปีกว่า ถ้าส.ส.อดทนกับอำนาจของส.ว.ไม่ได้ก็ไม่ควรมาลงสมัครส.ส. นายสุทิน กล่าวว่า มันก็ทำไม่ได้ เพราะว่าต้องเป็นกระบวนการของสภาฯ และที่พูดว่าทนไม่ได้ก็ไม่ต้องมาลง ตรงนี้ทำให้ยิ่งอยากมาลง เพียงเพราะตัดอำนาจส.ว.ไม่ได้ ทุกคนยิ่งอยากลงส.ส. เพื่อเอาปัญหาและเอาอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนมาสะท้อนให้เห็น ให้ทั้งผู้นำประเทศและส.ว.ได้รับฟัง ถ้าเรายิ่งไม่ลงส.ส.ก็จะทำให้เผด็จการก็ยิ่งร่าเริง ดังนั้นเราต้องลงส.ส.