วันนี้ (10 พ.ย.) นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ กล่าวว่า เวลานี้ชาวนาส่วนใหญ่กำลังล่มจม เพราะราคาข้าวตกต่ำอย่างมาก ข้าวเปลือกเหลือเพียงกิโลกรัม 5 บาท หรือปลูกไปก็ขายไม่ได้กำไรสักบาท โดยนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่จะนำมาแก้ปัญหานี้ก็คือ โครงการประกันราคาข้าว มีการทยอยจ่ายเงินงวดแรกมาแล้ว 13,000 ล้านบาท หากเป็นภาวะปกติ โครงการคงสามารถดำเนินต่อไปเพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวนาได้ แต่เอาเข้าจริงยังมีอุปสรรคสำคัญรออยู่ ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากความล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาลนี้ ที่สะสมหนี้สินต่อสถาบันการเงินจ่อแตะเพดานร้อยละ 30 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี หมายความว่า งบประมาณอีก 76,000 ล้านบาท จากกรอบทั้งหมดที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมา 89,000 ล้านบาท จะไม่สามารถให้ ธ.ก.ส.จ่ายในโครงการประกันราคาไปก่อนได้เหมือนที่ผ่านมา หากไม่มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้สถาบันการเงินเพื่อให้ไม่ผิดกฎหมายตามกรอบวินัยการคลัง
“โครงการประกันรายได้เกษตรกร เป็นโครงการที่พรรคประชาธิปัตย์หวังว่าจะนำไปเป็นผลงานอวดประชาชนว่าแก้ปัญหาราคาข้าวได้ แต่ทำได้งวดเดียวก็ติดตอใหญ่ คือวินัยการคลังที่มีกฎหมายรองรับ ทั้งยังโดน นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พูดเชิงตำหนิใน ครม. ว่า การขยายกรอบวินัยการเงินการคลังตามมาตรา 28 ต้องหารือระดับนโยบาย ต้องมีการศึกษา การจ่ายเงินประกันราคาให้เกษตรกร จะทำให้เกษตรกรอ่อนแอ ระบบการเกษตรไม่ได้รับการพัฒนา เมื่อช่วยเหลือแบบนี้เมื่อไรจะจบลงเสียที แถมยังมีซีนแย่งผลงานกันเองอีก โดยด้วยว่า การดำเนินโครงการประกันรายได้เพื่อช่วยเหลือชาวนาในช่วงราคาข้าวตกต่ำถือเป็นผลงานของรัฐบาล ไม่ใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง การหาเงินเพื่อมาใช้จ่ายในโครงการต่างๆเป็นหน้าที่ของกระทวงการคลัง ดังนั้นไม่ว่าใครจะได้หน้าหรือไม่ได้หน้า กระทรวงการคลังก็ต้องหาเงินมาเพื่อช่วยเกษตรกร”
นายธวเดช กล่าวต่อว่า จากบรรยากาศแบบนี้ในรัฐบาลสะท้อนทั้งความไม่เป็นเอกภาพและคงใกล้ได้เลือกตั้งใหม่เต็มที ขณะเดียวกัน การแก้วิกฤตที่รออยู่ หากจะตัดสินใจทำอะไรที่พอเป็นผลงานได้บ้างก็เหมือนยักตื้นติดกึกยักลึกติดกัก คือติดขัดไปหมด เพราะถึงนายกฯมีคำสั่งให้ไปหาเงิน แต่กระทรวงการคลังก็ยังไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าจะหาเงินมาเติมในโครงการประกันราคาได้อย่างไร ขณะเดียวกัน แนวทางการเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อขยายเพดานหนี้ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะหากชงเข้าสภา จากรอยร้าวที่มีในพรรคพลังประชารัฐตอนนี้จะโดนตลบหลังทำให้กฎหมายสำคัญของรัฐบาลไม่ผ่านสภาหรือไม่
“สถานการณ์แบบนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือ ชาวนาไทย ที่ยังต้องอยู่ภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่เคยสามารถทำอะไรตามสัญญาได้เลย บุคคลหนึ่งที่เคยสัญญากับชาวนาไว้เมื่อปี 2559 ว่า “ขอเวลา 5 ปี ชาวนารวยขึ้นชัดเจน” บุคคลนั้นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีอำนาจบริหารแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในช่วงรัฐบาล คสช. และต่อเนื่องด้วยการเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ พรรคเสียงข้างมากของฝ่ายรัฐบาลขณะนี้ มาถึงขณะนี้ ครบรอบ 5 ปีเต็มพอดิบพอดี แต่สิ่งที่เกิดขึ้นชาวนากลับขายข้าวได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาบะหมี่สำเร็จรูป ” หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ ระบุ