ผว.กคช. เชิญชวนผู้เช่าทำสัญญาเช่าที่พักอาศัยโดยตรงกับ “การเคหะแห่งชาติ” เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า พร้อมราคาเช่าที่ถูกลง ช่วยผู้เช่าฝ่าวิกฤตโควิด-19
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ตลอดช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบเป็นวงกว้างทั่วประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้ผลกระทบเรื่องรายได้ เช่น ต้องหยุดกิจการ หยุดค้าขายชั่วคราว ถูกลดเงินเดือนหรือเลิกจ้าง ดังนั้น การเคหะแห่งชาติมีภารกิจสำคัญในการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยให้ประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยและกลุ่มเปราะบาง จึงมุ่งมั่นที่จะเข้ามาช่วยเหลือ และบรรเทาความเดือดร้อนในสถานการณ์วิกฤตนี้ การเคหะแห่งชาติจึงได้ดำเนินการ
“ขอรับคืนโครงการอาคารเช่า” จากบริษัทเอกชนกลับมาบริหารเอง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระด้านการเงินให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการยกระดับ “คุณภาพชีวิต” ของประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยในราคาประหยัด และสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย มีความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
นายทวีพงษ์กล่าวว่าพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้มอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติหาวิธีช่วยเหลือประชาชน จึงมองว่าขณะนี้หลายโครงการของการเคหะแห่งชาติที่ให้ภาคเอกชนรับไปบริหารได้ครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว ถ้านำห้องเหล่านั้นมาบริหารจัดการเอง การเคหะแห่งชาติก็สามารถลดค่าเช่าห้องให้ถูกลงได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหารสัญญาโดยตรง รวมถึงช่วยเหลือ
ผู้เช่าในด้านอื่นๆ
“ปัจจุบันการเคหะแห่งชาติมีห้องพักอาศัยแบบเช่า ทั้งแบบบริหารเอง และให้ภาคเอกชนมาช่วยบริหาร ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่หลายโครงการที่ให้ภาคเอกชนมาช่วยบริหารครบกำหนดสัญญาเช่าแล้ว จึงคิดว่าถึงเวลาที่การเคหะแห่งชาติต้องกลับมาดูแลพี่น้องประชาชนโดยตรง” ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวย้ำ
ทั้งนี้ การเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชน จำนวน 60 สัญญา รวม 32,632 หน่วย แบ่งเป็นบริษัทรายใหญ่ 35 สัญญา รวม 29,966 หน่วย และบริษัทรายเล็ก 25 สัญญา รวม 2,666 หน่วย โดยระยะแรกได้ดำเนินการโครงการนำร่อง จำนวน 2 สัญญา ได้แก่ โครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ และโครงการเคหะชุมชนออเงิน จากนั้นได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จนถึงปัจจุบันมีการรับคืนอาคารจากบริษัทเอกชนแล้ว จำนวน 45 สัญญา โดยการดำเนินการอยู่ระหว่างทยอยจัดทำสัญญากับผู้เช่ารายย่อยในโครงการ ประกอบกับมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าการเคหะแห่งชาติในส่วนลดค่าเช่าจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ทั้งนี้ในการรับคืนอาคารจากบริษัทเอกชนจะดำเนินการให้ครบภายใน 31 ธันวาคม 2565
ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ ชี้แจงว่า สิทธิประโยชน์ที่ผู้เช่าจะได้รับอย่างชัดเจน คือ ช่วยลดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ลง เริ่มจากสิทธิ “อยู่ฟรี 1 เดือน” หลังจากทำสัญญากับการเคหะแห่งชาติและลดค่าเช่าในเดือนถัดไปจากค่าเช่าเดิมที่จ่ายกับเอกชนสูงสุดถึง 40% ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ไม่เพียงเท่านั้น ผู้เช่ายังสามารถลด “ค่าน้ำ-ค่าไฟ” เนื่องจากจะเป็นการเรียกเก็บจากการไฟฟ้านครหลวงโดยตรง จากปัจจุบันบริษัทเอกชนเหมาจัดเก็บค่าไฟฟ้า ส่วนค่าน้ำประปา การเคหะแห่งชาติคิดอัตราค่าน้ำประปาสำหรับผู้มีรายได้น้อย
นอกจากค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ลดลงแล้ว การเคหะแห่งชาติยังส่งเสริมอาชีพให้กับผู้อยู่อาศัยควบคู่ไปด้วย ถือเป็นการ “เช่าบ้าน ให้อาชีพ” โดยให้ผู้เช่ามีส่วนร่วมดูแลชุมชนตามความถนัดในตำแหน่งต่าง ๆ เช่น แม่บ้าน ธุรการ ช่างเทคนิค ฯลฯ ทำให้มีรายได้ในการใช้จ่ายและจุนเจือครอบครัว อีกสิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนคือ ผู้อยู่อาศัยจะได้รับความช่วยเหลือต่าง ๆ ตามมาตรการของการเคหะแห่งชาติอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ทันต่อสถานการณ์ เนื่องจากเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติโดยตรง
นายทวีพงษ์กล่าวว่าปัจจุบันเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์ในโครงการฯ พร้อมทั้งรับลงทะเบียนทำสัญญาเช่ากับการเคหะแห่งชาติโดยตรงตามวันและเวลาที่กำหนด รวมทั้งผู้อยู่อาศัยสามารถทำสัญญาผ่านไลน์ OA ของแต่ละชุมชน ซึ่งผู้อยู่อาศัยสามารถยื่นเอกสารผ่านไลน์ OA ของชุมชน หรือนำเอกสารมายื่นด้วยตนเองที่สำนักงานเคหะนครหลวง และสำนักงานเคหะจังหวัดที่ดูแลโครงการฯ
“อยากจะเชิญชวนพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในอาคารเช่าของการเคหะแห่งชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาคารเช่าที่ภาคเอกชนเคยรับไปบริหาร วันนี้การเคหะแห่งชาติจะเข้ามาให้บริการท่าน อยากจะเชิญชวนทุกท่านเข้ามาทำสัญญาตรงกับเรา เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าและราคาเช่าที่ถูกลง ทั้งหมดนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล”