xs
xsm
sm
md
lg

คณะ “ธนาธร-ปิยบุตร” ปลุก หมดเวลา 112 ล่าชื่อสู้ “ดวงฤทธิ์” ลูกน้อง “ทักษิณ” แค้นแทนสามกีบ ชาวเน็ตสวนเจ็บ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ คณะ “ธนาธร-ปิยบุตร” ปลุก หมดเวลา 112 จากแฟ้ม
“คณะก้าวหน้า” ยังฝันเฟื่อง ปลุกระดม “หมดเวลา 112” ล่าชื่อยกเลิก “ดวงฤทธิ์” แค้นแทนแกนนำ 3 นิ้ว ชาวเน็ต สวน แน่จริงมานำสู้ “พุทธะอิสระ” ยื่น 2 แสนชื่อ ค้านแก้ เผย ปชช. 99.1% ไม่ให้นำ “สถาบันฯ-แก้ ม.112” เป็นเครื่องมือการเมือง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 พ.ย. 64) เพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า - Progressive Movement ซึ่งมี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เป็นเลขาธิการ โพสต์ หัวข้อ [ ด่วน!!! ลงชื่อ #ยกเลิก112 ออนไลน์ บอกให้โลกรู้ว่า “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย” ]
.
โดยระบุว่า ช่วยกันลงชื่อ! ช่วยกันแชร์! ช่วยกันบอกต่อ! ช่วยกันรณรงค์! ยิ่งมีประชาชนร่วมลงชื่อมากเท่าไหร่ เรายิ่งมีโอกาสยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 ได้มากเท่านั้น ทำให้การเข้าชื่อเสนอกฎหมายต่อสภาฯ ครั้งนี้เป็นฉันทามติของสังคม เพื่อส่งเสียงดังๆ บอกโลกว่า “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย”

ถึงแม้กฎหมายจะกำหนดว่า ประชาชน 10,000 รายชื่อ สามารถเข้าชื่อกันเสนอร่างกฎหมายเข้าสู่สภาฯได้ แต่นั่นย่อมไม่เพียงพอ เพราะการผลักดันเรื่องที่ทั้งยากและใหญ่อย่างการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 จำเป็นต้องแสดงให้เห็นถึงความเห็นพ้องต้องกันของเสียงส่วนใหญ่ในสังคม และทำให้ผู้ที่ไม่ต้องการยกเลิกกลายเป็นเสียงส่วนน้อยให้ได้

ภาพ ประชาสัมพันํธ์ คณะก้าวหน้า ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก คณะก้าวหน้า
ดังนั้น การเข้าชื่อของประชาชนเป็นแสนเป็นล้านคนจะช่วยทำให้เสียงของมหาชนถูกทำให้เป็นทางการ ทำให้สามัญชนคนธรรมดามีพลังขึ้นมา เพราะได้มารวมตัวกันและปรากฏกายให้เห็นในนามของประชาชนคนที่ต้องการยกเลิกกฎหมายอาญามาตรา 112 นี้ร่วมกัน

เสียงของทุกคน มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศไทย !

ปัจจุบัน พ.ร.บ.เข้าชื่อเสนอกฎหมายฉบับใหม่ เปิดทางให้มีการลงชื่อผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ คณะก้าวหน้าโดยความร่วมมือกับคณะราษเปซ จึงได้พัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับเข้าชื่อเสนอกฎหมายขึ้นมา เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนร่วมกันแสดงเจตจำนงสนับสนุนการรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112

อย่ารอ! ลงชื่อออนไลน์ทันที : https://www.no112.org

มาช่วยกันส่งเสียงให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรา 112 ทุกคนรู้ว่าพวกเขาไม่ได้ต่อสู้เพียงลำพัง

และบอกโลกให้รู้ว่า “หมดเวลา 112 ถึงเวลาคืนอนาคตสังคมไทย”
#มาตรา112 #ราษฎรประสงค์ยกเลิก112

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH โพสต์ประเด็น “ดวงฤทธิ์” ราคาคุย ออกตัวแค้นแทนแกนนำ 3 นิ้ว ประกาศโค่น 112 เจอโซเชียลสวนเจ็บ แน่จริงลงมาสู้ นำหน้าเด็ก!

เนื้อหาระบุว่า หลังจากที่หลายพรรคการเมืองออกมาแสดงจุดยืน ว่าจะไม่ขอร่วมแก้มาตรา 112 ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคกล้า จนทำให้ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. ก้าวไกล ในฐานะโฆษกก้าวไกล ออกมาเปิดเผยถึงแนวทางการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า การแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกลดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ การแก้ไข น่าจะเป็นทางออกที่โอบรับบุคคลทุกฝ่ายที่พอจะมีฉันทามติร่วมกันได้

แต่สถานการณ์ตอนนี้เปลี่ยนไป มาตรา 112 ถูกใช้อย่างพร่ำเพรื่อ มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีมากเป็นประวัติการณ์ จนสามารถพิจารณาได้ว่าเป็นคดีการเมืองแล้ว อาจจะไม่ใช่คดีอาญาแล้ว เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน เราต้องทบทวนร่างที่ยื่นไปเมื่อ 9 เดือนก่อน ยังสอดรับกับสถานการณ์หรือไม่ เพราะเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน การแก้ไขที่อาจจะยอมรับได้ในวันนั้น

วันนี้ประชาชนเรียกร้องมากขึ้นกว่านั้น มีการปล่อยให้มีการใช้มาตรา 112 ที่พร่ำเพรื่อ เกิดการฟ้องร้องกันเต็มไปหมด คนที่โดนมาตรา 112 เปิดชื่อมา บุคคลเหล่านั้นไม่ใช่อาชญากรต่อชาติบ้านเมือง คนที่ก่ออาชญากรรมค้ายาเสพติด ฆาตกร ยังไม่ถูกลงโทษขนาดนี้เลย ตกลงแล้วเขาสมควรได้รับโทษเยอะขนาดนี้หรือไม่

ภาพ “ดวงฤทธิ์” แค้นแทนสามกีบ ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ล่าสุด พบว่า ในทวิตเตอร์ของ นายดวงฤทธิ์ บุนนาค แกนนำกลุ่ม แคร์ คิด เคลื่อนไทย ซึ่งมักชงประเด็นให้ “ทักษิณ ชินวัตร” หรือ “โทนี่” พูดอยู่เสมอ และเป็นอีกหนึ่งคนดัง ที่ร่วมหนุนม็อบ 3 นิ้ว ได้ทวีตข้อความ ถึงประเด็นการแก้มาตรา 112 ระบุว่า

“ผมเองก็โกรธแค้น ที่เห็นน้องๆ โดนจับไปเพราะ 112 และเคียดแค้นในการใช้กฎหมายมาตรานี้อย่างไม่มีหลักนิติรัฐ นิติธรรม แต่นี่คือสงครามครั้งสุดท้ายที่เราต้องจัดทัพให้ดี คิดให้รอบคอบ ในการโค่นอำนาจทหาร และ elite ให้เบ็ดเสร็จ จะใช้กำลังและอารมณ์อย่างเดียวไม่ได้ ครั้งนี้ ต้องชนะเท่านั้น”

และได้มีคอมเมนต์จากกลุ่ม 3 นิ้ว ย้อนถามว่า จะชนะต้องชัดเจนก่อนค่ะ ว่าสู้กับใคร สงครามที่อยากจะจบนี่สู้กับใคร แล้วมันจะจบจริงไหมคะสู้กับทหารและอีลีทเนี่ย เชื่อว่าจบจริงหรอคะ ถ้าเพื่อไทยสู้ วัดพลังเลย หนูว่าท่านทักษิณชนะ คนรักท่านมากมาย แต่คลุมเครือแบบนี้ ทั้งที่คนมันตาสว่างแล้ว เห็นยังสดุดีก็เลือกไม่ลง และพร้อมถามถึงเจตนาของนายดวงฤทธิ์ ด้วยว่า การที่ทวีตขนาดนี้ ก็ชัดนะ ว่าเจตนาจะสื่ออะไร แล้วทำไมถึงคิดว่าเป็นสงครามครั้งสุดท้ายเหรอคะ? เราว่านี่เพิ่งเริ่มนะคะ

ต่อมาในเพจเฟซบุ๊ก Street Hero V3 ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “ขนาดมันนั่งคุยกับโทนี่เองแท้ๆ ยังไม่ซึมเข้าสมองเลย” ทำให้มีเสียงจากโซเชียลจำนวนมาก เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ด้วยว่า ถ้าแน่จริง ทำไมไม่ลงมาสู้แทนเด็กๆ ลงมาจากชั้นอีลิทของตัวเอง แล้วสู้ให้เด็กมันเห็น, สงครามครั้งสุดท้ายที่ต้องจัดทัพให้ดี แต่พี่ด้วงก็เป็นหนึ่งในชนชั้นอีลิทที่ไม่เคยลงไปสู้เองเลย, มีคนไปด่าสารพัด ด่าคุณบ้าง ด่าพ่อล่อแม่ ดูหมิ่นเหยียดหยาม โดยที่คุณไม่ได้ทำอะไรเลย คุณจะฟ้องดำเนินคดีมั้ย น้องๆ ที่โดนคดีไป เขาทำอะไรไว้ล่ะ แค่นี้ควรคิดได้นะ, Elite มาตรา112 ที่จะโค่นหมายถึงใคร ไหนมึงพูดออกมาสิ หลอกใช้เด็ก และยังมีการบอกด้วยว่า ม.112 คนปกติไม่มีใครเขาโดนกันหรอก

ภาพ พรรคก้าวไกล เสนอแก้ ม.112 ขอบคุณภาพจากเพจเฟซบุ๊ก THE TRUTH
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ (5 พ.ย.) กองทัพประชาชนปกป้องสถาบันและเครือข่ายภาคี นำโดย นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ (อดีตพระพุทธะอิสระ) ขนรายชื่อผู้คัดค้านการแก้ไขมาตรา 112 และ 116 กว่า 222,928 รายชื่อ เข้ายื่นหนังสือต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ที่ปรึกษา เพื่อขอคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญบทบัญญัติที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์และสถาบันพระมหากษัตริย์ทุกมาตรา และคัดค้านการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ 116 ด้วย

โดย นายสุวิทย์ กล่าวว่า สถาบันฯเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญของชาติ ที่มีคุณูปการต่อคนไทยมาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นสถาบันที่ก่อให้เกิดศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีจารีตอันดีงามให้แก่คนในชาติ อีกทั้งยังทรงเป็นหลักชัย หลักใจ เครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในชาติและนำพาประเทศให้พัฒนาเติบโตก้าวทันการเปลี่ยนแปลงของโลกนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แต่ปรากฏว่า มีกลุ่มบุคคลเพียงหยิบมือ ที่ไม่เคยสร้างประโยชน์อันใดให้กับแผ่นดิน แต่กลับสร้างความกำเริบ เหิมเกริม กระทำการจาบจ้วงล่วงล่วงเกิน หมิ่นประมาท ด้อยค่า และต้องการล้มล้างสถาบันฯอันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยและยังมีการปลุกระดมมวลชนโดยใช้เฟคนิวส์เรียกร้องให้ทำการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ เพื่อลิดรอนพระราชอำนาจ ซึ่งส่วนตัวไม่เคยได้รับผลกระทบจากมาตราดังกล่าว จึงไม่เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องแก้ไข

ดังนั้น ในนามเครือข่ายภาคีกองทัพประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องรวบรวมรายชื่อมาคัดค้านยับยั้งไม่ให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรวมถึงกฎหมายที่ปกป้องสถาบันฯทุกมาตรา

ทั้งนี้ ขอให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ช่วยสอดส่องดูแล กรณีเยาวชนที่แสดงออกถึงการรักสถาบัน ที่มักจะถูก คนในโลกโซเชียลบูลลี่หรือขุดคุ้ยประวัติมาโจมตี จนทำให้ไม่มีใครกล้าแสดงออกในเรื่องการรักสถาบัน

ภาพ ผลสำรวจสำนักวิจัยซูเปอร์โพล ขอบคุณภาพจาก “แนวหน้า”
นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง ม.112 : เบื้องหลังและความจำเป็น กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศโดยดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 2,272 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-4 พฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา

ประเด็นที่น่าสนใจระบุว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.5 ระบุ การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์เป็นส่วนสำคัญของความสัมพันธ์เชิงลึกของคนในชาติและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในเชิงประวัติศาสตร์ เช่น ไทย-จีน ไทย-ญี่ปุ่น ไทย-อังกฤษ เป็นต้น

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.0 ระบุ สถาบันกษัตริย์เป็นสถาบันหลักของการก่อร่างสร้างชาติในการกอบกู้เอกราช ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา และดูแลทุกข์สุขของราษฎร

และร้อยละ 96.1 ระบุ ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับการยกเลิก หรือ แก้ไข มาตรา 112 เพราะ การมีอยู่ ไม่กระทบต่อการดำเนินชีวิตปกติและสิทธิส่วนบุคคลของประชาชนทั่วไป

นอกจากนี้ เกือบร้อยละร้อย หรือ ร้อยละ 99.1 ไม่ต้องการให้ใคร หรือ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด นำสถาบันกษัตริย์และการแก้ ม.112 มาเป็นเครื่องมือต่อสู้ทางการเมือง หาคะแนนเสียงและแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวสร้างความแตกแยกขัดแย้งในชาติ ในขณะที่ร้อยละ 98.9 ระบุ จำเป็นต้องป้องกันและปกป้องการล้มล้างสถาบันฯ จากกลุ่มไม่หวังดี บิดเบือนใส่ร้ายและจาบจ้วง ร้อยละ 98.4 ระบุ ประมุขของทุกประเทศ เป็นเกียรติศักดิ์ศรีและสถาบันหลักของชาติ จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองด้วยกฎหมาย และร้อยละ 98.4 เช่นกัน ระบุ ไม่ต้องการให้นำสถาบันกษัตริย์และ ม.112 มาเป็นเครื่องมือปลุกปั่นเยาวชน คนรุ่นใหม่ให้ล้มล้างสถาบันอันเป็นศูนย์รวมจิตใจและความศรัทธาภักดีของคนในชาติ

อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.2 ระบุมีความพยายามจากขบวนการต่างชาติมหาอำนาจ เข้ามาแทรกแซง เชื่อมโยงกับกลุ่มต่อต้านสถาบัน ต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทย เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ชาติไทย และร้อยละ 96.2 เชื่อว่ามีกลุ่มต่อต้านสถาบันและแกนนำรับเงินและผลประโยชน์อื่น เป็นเครื่องมือของประเทศมหาอำนาจในการโค่นล้มสถาบัน....

แน่นอน, เห็นได้ชัดว่า คณะก้าวหน้า ซึ่งที่ผ่านมาถูกจับตามองในฐานะอยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของม็อบ 3 นิ้วหรือไม่

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายธนาธร และนายปิยบุตร แกนนำคณะก้าวหน้า ที่มีท่าทีสนับสนุนการ “ปฏิรูปสถาบันฯ” และการยกเลิก หรือ แก้ม.112 มาตลอด เพียงแต่ยังสงวนท่าทีที่จะออกไปร่วมต่อสู้กับม็อบบนท้องถนนเท่านั้น จนถูกตั้งฉายา “อีแอบ” ในขบวนการ 3 นิ้ว

ดูเหมือนประกาศสู้อย่างชัดเจนกับ คนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ? และพร้อมแย่งชิงมวลชนให้ได้มากที่สุด จนกลายเป็นคนส่วนใหญ่ ที่สนับสนุนยกเลิก ม.112 ซึ่งก็ไม่แน่ รายชื่อที่ได้ อาจนำไปสู่การกล่าวอ้าง เพื่อ “ปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์” ได้เช่นกัน?

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลการล่าชื่อจะออกมาอย่างไร แต่สิ่งที่น่าจะอ้างอิงได้ในวันนี้ก็คือ ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน ที่ออกมาอย่างชัดเจนดังกล่าว ว่า ไม่ต้องการให้แตะต้องสถาบันฯ และยกเลิก ม.112 รวมถึงการใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ด้วยเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ และเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มทีเดียว

นั่นหมายถึงอะไร เป็นสิ่งที่ “คณะก้าวหน้า” จะต้องนำกลับไปคิดว่า ที่ต้องการต่อสู้ เป็นการต่อสู้กับใคร? กันแน่ ลองคิดดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น