“ชัยวุฒิ” แจงประชุมสภาฯ วันแรกไม่ล่ม เหตุ ปธ.สั่งปิดสมควรแก่เวลา เชื่อ “นิโรธ” ทำหน้าที่ ปธ.วิปรัฐบาลฉลุย เชื่อ ส.ส.รู้หน้าที่ตัวเอง
วันนี้ (5 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรจากนี้ต้องมีการปรับการทำงานในสภาฯ หรือไม่ และรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. จะต้องเข้าไปช่วยหรือไม่ ว่า ส.ส.ทุกคนต้องเข้าประชุมสภาฯ และทำงานต่างๆ ในสภาฯ อยู่แล้ว ส่วนตัวก็ช่วยอยู่ตลอด ในฐานะที่เป็น ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และเชื่อว่า เสียง ส.ส.ของพรรคที่หายไป 3 เสียง จะไม่กระทบการทำงานในสภาฯ ถ้าทุกคนร่วมประชุม ร่วมมือ และช่วยกันลงมติ ก็คิดว่าไม่มีปัญหา ทั้งนี้ ยืนยันว่า การประชุมสภาฯ วันแรก เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ผ่านมา สภาฯ ไม่ได้ล่ม แต่เป็นการประชุมมาถึงช่วงเย็นแล้ว ประธานจึงสั่งปิดการประชุม ซึ่งต้องเข้าใจว่าสมควรแก่เวลา และการประชุมต้องดูด้วยว่ามีวาระอะไรและต้องจัดสรรเวลาให้เหมาะสม ไม่ดึกจนเกินไป และมาประชุมต่อในช่วงเช้า
เมื่อถามถึงกรณี นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรค พปชร.จะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล( วิปรัฐบาล) จะต้องเข้าไปช่วยงานเพื่อให้การทำงานราบรื่นหรือไม่ เพราะขณะนี้พบว่ามีเกมต่อรองในสภาฯ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ประธานวิปรัฐบาล รวมถึงกรรมการ ต้องช่วยกันทำงาน ไม่ใช่ประธานวิปรัฐบาลทำงานเพียงคนเดียว ต้องช่วยกันทุกพรรค รวมถึงรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.ด้วยต้องติดตามการทำงาน รวมถึงกรรมาธิการต่างๆ เพื่อให้กฎหมายขับเคลื่อนไปได้ และเป็นประโยชน์กับประชาชน
เมื่อถามต่อว่า ต้องคาดโทษ ผู้ที่จงใจทำให้เกิดความวุ่นวายและต่อรองทางการเมืองหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นว่ามีใครจงใจทำให้สภาฯ เกิดความวุ่นวาย และเชื่อว่า นายนิโรธ สามารถทำงานได้อยู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะมีโครงสร้างการทำงานในแต่ละภาค และแต่ละพรรคจะส่งคนมา เชื่อว่า ไม่มีปัญหาอะไร รวมถึงในช่วงสมัยประชุมนี้มีกฎหมายที่ทำเพื่อประชาชน ไม่มีความขัดแย้งอะไร และที่สำคัญมี ร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ทุกคนต้องการขับเคลื่อนให้แล้วเสร็จ อย่างไรก็ตาม มั่นใจทำงานในสมัยประชุมนี้ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกำชับ ส.ส.ให้อยู่ร่วมการประชุม เพราะถือเป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว เชื่อว่า ทุกพรรคการเมืองจะจับมือกันขับเคลื่อนงานสภาฯไปข้างหน้าได้