กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผย กสม. ย้ำข้อเสนอแนะ เปิดพื้นที่ปลอดภัยในการแสดงความคิดเห็น-ปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชนในการชุมนุมอย่างเหมาะสม เน้นการชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ เชื่อทุกฝ่ายเริ่มมีพัฒนาการดีขึ้น-ความรุนแรงไม่น่าห่วง
วันนี้ (4 พ.ย.) นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แถลงถึงการติดตามผลการดำเนินงานของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หลัง กสม.ได้มีข้อเสนอแนะเรื่องการคุ้มครองสิทธิเด็กในสถานการณ์การชุมนุม โดยกล่าวว่า หลังจากที่ กสม.ได้รับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งในการชุมนุมกรณีสามเหลี่ยมดินแดง เมื่อวันที่ 30 ส.ค. และที่ประชุมมีข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิเด็ก การป้องกันคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของเด็กในสถานการณ์ชุมนุม โดย กสม.ได้มีหนังสือ 3 หน่วยงานดังกล่าวแล้ว เมื่อวันที่ 2 พ.ย. น.ส.พรประไพ กาญจนรินทร์ ประธาน กสม. นายสุชาติ เศรษฐมาลินี น.ส.ปิติกาญจน์ สิทธิเดช และตน ได้ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามข้อเสนอแนะ กับผู้แทน 3 หน่วยงานที่ รวมทั้งผู้แทน สำนักงานศาลยุติธรรม และสำนักงานอัยการสูงสุด
ทั้งนี้ กสม.ได้เน้นย้ำข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิเด็กและการคุ้มครองสิทธิและความปลอดภัยของเด็กในสถานการณ์การชุมนุม เช่น ควรจัดให้มีเวทีรับฟังความคิดเห็นจากเด็กและเยาวชนที่เข้าร่วมการชุมนุม เพื่อแสวงหาทางออกร่วมกันและเปิดพื้นที่ในการใช้สิทธิและเสรีภาพโดยปราศจากความรุนแรง ทั้งต่อร่างกายและจิตใจ หน่วยงานรัฐควรมีแนวปฏิบัติและวิธีการที่เหมาะสมในการปฏิบัติต่อเด็กและเยาวชน โดยจัดให้มีระบบดูแลเด็กและเยาวชน ตั้งแต่เริ่มชุมนุม ระหว่างชุมนุม หลังการชุมนุม และควรแยกกลุ่มผู้ชุมนุมให้ชัดเจนระหว่างผู้ก่อความรุนแรง และไม่ก่อความรุนแรง นอกจากนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรจัดอบรมเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชน เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ได้สอดคล้องตามมาตรฐานสากลโดยคำนึงถึงมิติของเด็กและเยาวชนด้วย รวมทั้งให้ดูแล คุ้มครอง ปกป้องการเผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งต้องมีมาตรการไม่ให้เกิดการตีตรา กลั่นแกล้ง และสร้างความเกลียดชังในโลกออนไลน์กับผู้ที่มีความคิดเห็นต่าง ซึ่งหน่วยงานที่เข้าร่วมการประชุมเห็นพ้องกับข้อเสนอแนะของ กสม. โดยให้ความสำคัญกับกลไกการเปิดพื้นที่ปลอดภัยเพื่อรับฟังความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนอย่างสร้างสรรค์ และยังได้หารือถึงแนวทางการประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานเพื่อคุ้มครองการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ และคุ้มครองความปลอดภัยของเด็กในพื้นที่การชุมนุม รวมทั้งแนวปฏิบัติที่ถูกต้องและเหมาะสมตามหลักสิทธิเด็กในกระบวนการจับกุมและดำเนินคดีต่อเยาวชนด้วย
ทุกหน่วยงานพร้อมสนับสนุนและดำเนินการตามแนวทางข้อเสนอแนะดังกล่าวอย่างเต็มที่ ซึ่ง กสม.ยินดีที่จะร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการสร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุยหรือแสดงความคิดเห็น และเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายตระหนักถึงการใช้สิทธิและเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบ ปราศจากอาวุธ และยุติการใช้ความรุนแรงต่อกันทุกรูปแบบ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บและสูญเสีย โดยเจ้าหน้าที่จะต้องใช้แนวทางในการจัดการและควบคุมฝูงชนให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากลอย่างเคร่งครัด
เมื่อถามถึงการยกเลิก พ.ร.บ.ฉุกเฉิน จะทำให้การชุมนุมเกิดความรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ นายวสันต์ กล่าวว่า คิดว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลายจากโควิด-19 มีการเปิดประเทศ มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ การชุมนุมอาจจะมีมากขึ้น แต่ในเรื่องความรุนแรง ก็หวังว่าการใช้ความรุนแรง หรือการปะทะกันจะลดลง ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับทั้งฝั่งผู้ชุมนุมและฝั่งเจ้าหน้าที่ โดยทางฝั่งเจ้าหน้าที่เราก็ได้มีการพูดคุยกันอยู่ตลอดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ขอให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ในขณะที่ผู้ชุมนุมเราคิดว่าสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกทางความคิดเห็นที่ได้รับการคุ้มครองจะต้องเป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแล ทั้งนี้ การชุมนุมใหญ่ครั้งหลังสุดเจ้าหน้าที่มีการตั้งด่านกลั่นกรองอาวุธในพื้นที่ชุมนุม ขณะที่ผู้ชุมนุมมีการติดริบบิ้นให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี เพื่อแยกเด็กกับผู้ชุมนุมโดยทั่วไปที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งเห็นว่าเป็นพัฒนาการที่ดี และในเรื่องความรุนแรงในระยะหลังก็อาจจะเบาบางลง หากมีเวทีพูดคุยกัน มีกติกาในการชุมนุมที่ยอมรับได้ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งเราคิดว่าสถานการณ์เรื่องความรุนแรงไม่น่าเป็นห่วง