วันนี้ (3 พ.ย.) ที่ประชุมรัฐสภา ได้มีการพิจารณาเรื่องที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติวิชาชีพการสัตวบาล พ.ศ. ....พิจารณาเสร็จแล้ว โดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ข้อดีของ พ.ร.บ.นี้ สอดคล้องกับทิศทางโลก ที่มีจำนวนคนเพิ่มขึ้น อาหารธรรมชาติลดลงปัญหา fta ระหว่างประเทศที่ไม่สามารถมีกำแพงภาษี ที่จะช่วยประคับประคองเกษตรกรได้ เราจำเป็นจะต้องอยู่ในโลก ที่มีสัญญา fta พ.ร.บ.นี้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องออกมาเพื่อที่จะพัฒนาระบบปศุสัตว์ของประเทศไทยให้เกิดการแข่งขัน ให้เกิดต้นทุนต่ำลง
นพ.ระวี กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ตนเป็นหมอแต่ต้องเข้ามาในกรรมาธิการนี้ ก็เนื่องจากว่าในครั้งที่มีการเสนอในสภาฯ มีตารางตัวเลขที่ดูน่าเป็นห่วง ว่า ถ้า พ.ร.บ.นี้ออกมาตามตัวเลขดังกล่าว เกษตรกรที่เลี้ยงวัวเพียง 20 ตัว จะถูกควบคุมโดยสัตวบาล ทั้งๆ ที่อาจจะยังไม่จำเป็นถึงขั้นนั้น เพราะเป็นเพียงกับเกษตรกรรายย่อย จะไปทำให้มีต้นทุนสูงขึ้น และเมื่อได้เข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันจนเป็นข้อสรุป ว่า ในมาตรา 3 ได้มีการระบุความหมายของคำว่าสัตว์เลี้ยง ที่จะถูกควบคุมโดย พ.ร.บ.นี้ ไม่รวมสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรและผู้เลี้ยงรายย่อย ข้อนี้ถือเป็นจุดมุ่งหมายของกรรมาธิการจำนวนมากที่เห็นว่า ต้องมีการเพิ่มประเด็นนี้เข้าไป
“เกษตรกรของประเทศไทยส่วนใหญ่เติบโตมาจากระบบพอเพียง ที่เริ่มเลี้ยงด้วยจำนวนน้อย แต่เมื่อเลี้ยงไปแล้วสัตว์เหล่านั้น เกิดออกลูกออกหลาน มีจำนวนเพิ่มขึ้น พ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องจ้างสัตวบาลเข้ามาดูแลให้เกิดค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ที่ประชุมได้มีการลงมติเห็นด้วยกับร่างที่กรรมาธิการได้เสนอเข้ามา