ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เห็นหน้า “อัศวิน” เท่ากับ เห็นหน้า “ธรรมนัส” ใน กทม.!! เมื่อ “บิ๊กแป๊ะ” ถอนตัวศึกชิง ผู้ว่าฯ เมืองหลวง
ศึกชิงเก้าอี้ ผู้ว่าฯ กทม.มีความชัดเจนขึ้นมา ว่า “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะถอนตัวออกจากการชิงชัย
โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เมื่อวาน (1 พ.ย) “บิ๊กแป๊ะ” ได้ประกาศต่อหน้า ผู้สมัคร ส.ก. ที่ให้การสนับสนุนว่า “ตัดสินใจว่าจะไม่ลงสมัคร ผู้ว่าฯ กทม.แล้ว”
พลันที่ข่าวการตัดสินใจถอนตัวแพร่สะพัดออกไป ทำเอาบรรดาคอการเมืองตั้งคำถามถึงเบื้องหลังอะไรเป็นเหตุให้ “บิ๊กแป๊ะ” ยอมถอย ?
ทั้งๆ ที่ว่าไปแล้ว ตั้งแต่เปิดตัวจะลงสมัครชิงผู้ว่าฯ กทม. มาถึงวันนี้ “บิ๊กแป๊ะ” ถือเป็นแคนดิเคต “ตัวเต็ง” ที่มีเสียงสูสี ตีคู่มากับ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม ฉายา “บุรุษผู้แข็งแกร่งสุดในปฐพี” ที่ประกาศออกตัวมาก่อนใครเพื่อน
ด้านกระแสการตอบรับจากการลงพื้นที่ สัมผัสประชาชนชาว กทม. ในบทบาทใหม่หลังเกษียณจาก ผบ.ตร. มาสู่ “จักรทิพย์คนทำงาน” ก็กำลังดีวันดีคืน เรียกว่า เรตติ้งไม่เป็นรอง “ชัชชาติ”
ขณะที่ผู้สมัครในนามพรรคการเมืองอย่างพลังประชารัฐ เพื่อไทย หรือ ก้าวไกล ยังแทงกั๊ก อุบไต๋ไม่เปิดเผยจะส่งใคร จะมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์ ที่ดูเหมือนจะสนับสนุน “พี่เอ้” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ลงสนามแข่ง
ส่วน “บิ๊กวิน” พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.คนปัจจุบัน ก็อึกๆ อักๆ ที่ผ่านมา ไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าจะลงสมัครสืบทอดอำนาจต่อหรือไม่
ว่ากันว่า ในทางลับ “พล.ต.อ.อัศวิน” ก็แอบหวังว่าจะได้กลับเข้ามาในตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.เพราะมั่นใจในฐานเสียงและเครือข่ายส.ก. ที่เพาะสร้างไว้ และหากได้รับการสนับสนุนจากพรรคใหญ่พรรคใดพรรคหนึ่ง กวาดต้อนคะแนนเสียงให้อีกก็ยิ่งมองถึงโอกาสคว้าชัยในการเลือกตั้งได้ไม่เกินฝัน
จะว่า ปะเหมาะเคราะห์ดีของ “พล.ต.อ.อัศวิน” หรืออย่างไรไม่ทราบได้ เมื่อพลังประชารัฐ ก็ต้องการเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม. เพื่อเสริมฐานการเมืองระดับประเทศในฐานะพรรครัฐบาล แต่กลับไม่มีตัวเลือกที่จะส่งในนามพรรค อย่ากระนั้นเลยสู้จับมือกับ “พล.ต.อ.อัศวิน” ที่ต้องการจะเป็นผู้ว่าฯต่อให้เป็น “นอมินี” ที่จะ Win-Win ด้วยกันเลยดีกว่า
คนเดินเกมนี้ ว่ากันว่า ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็น “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” หรือ “ผู้กองธรรมนัส” เลขาธิการพรรค พปชร. หอกข้างแคร่ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และน้องรักของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่โอบอุ้มฟันฝ่า ที่จะถูกถีบลงจากอำนาจในพรรคให้อยู่ในตำแหน่งเลขาฯ ได้ต่อนั่นเอง
แว่วว่า “ผู้กองธรรมนัส” กับ “พล.ต.อ.อัศวิน” มีสัมพันธ์กันแนบแน่น ส.ก.ที่อยู่ในอาณัติของ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ถูกสั่งให้ทำทุกวิถีทางสกัด “ชัชชาติ และ บิ๊กแป๊ะ” แบบลับๆ มาได้สักระยะแล้ว เมื่อรวมกับบรรดา ผอ.เขต ใต้บังคับบัญชาของผู้ว่าฯ กทม. เกมนี้จึงมีเปรียบ จนเป็นที่รับรู้ของทีมทำงานของทั้งคู่ รู้ซึ้งเป็นอย่างดี ลงพื้นที่หาเสียงเป็นได้เจออะไรแปลกๆ แปร่งๆ ถูก “เตะตัดขา” ตลอดเวลา
เมื่อสัญญาณถูกส่งออกมาแรงขึ้นเรื่อยๆ และ เชื่อกันว่า “ผู้กองธรรมนัส” หลังอยู่รอดปลอดภัยจากศึกในพรรค ก็ยิ่งมั่นอกมั่นใจจะโชว์ผลงานให้ “ลุงป้อม” เห็นเป็นประจักษ์ ว่ามีความสามารถเอกอุ เข็น “บิ๊กวิน” นอมินีของพรรคให้เข้าเส้นชัยผู้ว่าฯ กทม.ให้จงได้ ซึ่งคงรายงานต่อ “ลุงป้อม” เรียบร้อย โดยที่เชื่ออีกว่าลุงป้อมก็ให้ไฟเขียวเช่นกัน
ว่ากันว่า “บิ๊กแป๊ะ” อดีต ผบ.ตร. ที่รับรู้กันในวงการสีกากี ว่า เป็น “สุภาพบุรุษ” ผู้หนึ่ง ด้วยนิสัยใจคอเป็นคนใจกว้าง มีคอนเนกชันทั้งเบื้องบนเบื้องล่าง เข้าได้กับทุกฝ่ายไม่ต้องการขัดแย้งกับใคร เคยเปรยๆ กับคนใกล้ชิดเสมอว่า จะไม่ขอแข่งกับ “รุ่นพี่” พล.ต.อ.อัศวิน ที่รักนับถือกัน ซึ่งก่อนหน้าไม่มีทีท่าจะลงสมัคร เมื่อชัดเจนว่า “พล.ต.อ.อัศวิน” ยอมเป็นนอมินีให้พลังประชารัฐกับ ธรรมนัส หรือ ธรรมนัส ดัน บิ๊กวิน จึงตัดสินใจหลีกทางให้รุ่นพี่
มีบางกระแสที่บอกว่างานนี้ “บิ๊กแป๊ะ” ถูกผู้ใหญ่ขอร้องให้ถอยเปิดทางให้ “พล.ต.อ.อัศวิน” อีกด้วย
นี่จึงเป็นที่มาเบื้องหลังของ “บิ๊กแป๊ะ” ตัดสินใจไม่ลงสมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯ กทม.ดังที่เป็นข่าว
งานนี้ก็โปรดได้เอาปากกามาวงไว้เลยว่า เห็นหน้า “อัศวิน” ก็เท่ากับเห็นหน้า “ธรรมนัส” ใน กทม.
สาธุชนทั่งหลายเห็น “ยี่ห้อ” ธรรมนัสกันแล้วก็พิจารณาอัศวินกันได้ตามอัธยาศัย
**“มหาไพรวัลย์” สติหลุดจาบจ้วง “สมเด็จธงชัย” ด้วยโมหะ งานนี้เห็นทีได้สึกแน่
เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในโซเชียลฯ หรือผู้ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของ “2 พส.” คงได้เห็นภาพข่าวของ “พระมหาไพรวัลย์” คู่หูคู่ฮา ของ “พระมหาสมปอง” ร่ำไห้ออกอากาศ ตั้งเงื่อนไขต่อรองกับ “พระผู้ใหญ่” ว่า หาก “พระราชปัญญาสุธี” รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส ตนเองก็จะสึก
“มหาไพรวัลย์” บอกว่า พระราชปัญญาสุธี เปรียบเสมือนพ่อและครูอาจารย์ หากไม่ได้เป็นเจ้าอาวาส เหตุจากที่ตนนำปัญหามาให้ ก็ขอสละสมณเพศ กลับไปดูแลแม่ที่ป่วย และต่อไปอาจทำมาหากินด้วยการไลฟ์ขายสินค้าก็เป็นได้
นอกจากคำขู่จะไม่ได้ผลแล้ว “มหาไพรวัลย์” ยังถูกกระแสโซเชียลฯกระหน่ำ ในทำนองว่า ที่อยู่วัดสร้อยทองได้ทุกวันนี้ เพราะมีรักษาการเจ้าอาวาสคุ้มหัว เมื่อทางพระผู้ใหญ่จะตั้งพระรูปอื่นมาเป็นเจ้าอาวาส จึงเดือดร้อนถึงกับต้องมาตั้งเงื่อนไขข่มขู่ บีบน้ำตา หวังให้แฟนคลับมาช่วยแห่...มีจำนวนไม่น้อยที่บอก ถ้าตัดกิเลสเรื่องยศ เรื่องตำแหน่งไม่ได้ ก็ให้รีบสึกไปเถอะ
ต่อมา “พระมหาไพรวัลย์” โพสต์ลอยๆ ในเชิงตัดพ้อว่า ...อาตมาอาจทำอะไรหลายอย่างไม่เหมาะสม แต่ไม่เคยนั่งเครื่องบินไปดูบอลต่างประเทศ ไม่เคยทำเดรัจฉานวิชาอย่างเดียรถีย์ ไม่เคยดูโหร ทำนายดวง หรือแม้แต่ปลุกเสกผ้ายันต์แม้แต่ครั้งเดียว ...
โพสต์นี้ มีคนมาเฉลยทันทีว่า ที่ “พระมหาไพรวัลย์” พาดพิงไปถึงนั้นคือ “สมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ “สมเด็จธงชัย” แห่งวัดไตรมิตรวิทยาราม ผู้ปลุกเสก “ผ้ายันต์เลสเตอร์” ซึ่งมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง มีอำนาจโดยตรงในการกำกับดูแล จะแต่งตั้ง หรือเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ก็ได้
และคราวนี้ “พระมหาไพรวัลย์” ยิ่งโดนถล่มหนัก ว่าไม่รู้จักพิจารณา “เตือนตนเอง” จนเลยเถิดไปจาบจ้วงพระเถระชั้นผู้ใหญ่
ล่าสุด “พระมหาไพรวัลย์” โพสต์ถึง "เจ้าประคุณสมเด็จธงชัย" โดยตรง ด้วยท่าทีที่อ่อนลง เพื่อขออย่าเปลี่ยนตัวเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง
...กราบเรียนถึงท่านเจ้าประคุณ หากท่านเจ้าประคุณไม่เห็นแก่เกล้ากระผม ซึ่งเป็นเพียงพระรุ่นลูกรุ่นหลานรูปหนึ่ง ไม่เห็นแก่การที่เกล้ากระผมจะยังครองผ้ากาสาวพัสตร์ หรือจะลาสิกขาออกไปเป็นฆราวาสครองเรือน
แต่ขอความมีปัญญาญาณของท่านเจ้าประคุณ ได้โปรดตริตรองอย่างลึกซึ้ง เห็นแก่การของพระศาสนา ซึ่งพระเดชพระคุณเป็นผู้บัญชาดูแลอยู่
...เกล้ากระผมขออนุญาตบังอาจนำเรียนว่า ในส่วนของหนกลาง จำเป็นต้องอาศัยพระผู้ใต้ปกครอง ซึ่งมีทั้งสติปัญญา และความสามารถ ช่วยสนองพระเดชพระคุณ และรับใช้เพื่อความรุ่งเรืองก้าวหน้ายิ่งขึ้นไปอีก ทั้งนี้ ไม่ว่าจะในส่วนของการเผยแผ่ การวิปัสสนาหรือการพระปริยัติ
เกล้ากระผม อาจประพฤติตนเป็นที่ไม่เรียบร้อย หรือเหมาะสม นี่เป็นโทษโดยส่วนตัวของเกล้ากระผมเอง และหากการประพฤติตัวนี้ สร้างความไม่พึงใจต่อพระเดชพระคุณ เกล้ากระผม กราบขอน้อมรับโทษในส่วนของความผิดนี้แต่โดยดี ไม่ว่าพระเดชพระคุณ จะมีดำริอย่างไรในการลงโทษโดยชอบแก่พระธรรมวินัย เกล้ากระผมจะน้อมรับ และไม่ขัดขืนต่อคำสั่งนั้นเลย
เกล้ากระผมใคร่ขอความมีกรุณาคุณต่อพระเดชพระคุณเพียงอย่างเดียวว่า “พระราชปัญญาสุธี” มิได้เป็นผู้มีความเกี่ยวข้องหรือมีมลทินหม่นหมองในส่วนใดเลย มิได้เป็นผู้หย่อนยานในการปกครองดูแลพระลูกวัด อย่างที่มีคนกล่าวอ้าง ขอพระเดชพระคุณได้ทรงไว้ซึ่งความมีพรหมวิหารธรรม ความเป็นธรรม ตลอดจนถึงความยุติธรรม ต่ออาจารย์ของเกล้ากระผมด้วย...
เรื่องนี้ “ดร.ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์” นักวิชาการทางบูรพคดีศึกษา ม.มหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า ขอแนะนำทีมเลขานุการเจ้าประคุณสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี ซึ่งเป็นเจ้าคณะใหญ่หนกลาง
ถ้าจะแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ขอให้รีบตั้ง อย่าได้ชักช้า เรื่องการพระศาสนาแต่ไหนแต่ไรมา ถ้าคณะสงฆ์ดำเนินการชักช้าจะเป็นที่ติฉินนินทา หรือวิพากษ์วิจารณ์ในหมู่ผู้ไม่รู้ ไม่หยุด ...ถ้าจะทำเพื่อรักษาพระธรรมวินัย ไม่ต้องไปสนใจว่าพระรูปไหนจะสึก หรือจะอยู่ โปรดรีบตั้งเสียให้เสร็จโดยเร็ว และถ้าจะให้ดี มอบหมายให้เจ้าอาวาสใหม่ รีบตั้งคณะพระวินัยธร สอบพระวินัยพระทั้ง 2 รูปนั้นด้วยก็จะดี...
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าบทสรุปของเรื่องนี้จะเป็นอย่างไร