“กมธ.ดีอีเอส” ลุยช่วยชาวดอย “เวียงป่าเป้า” จ.เชียงราย กว่า 500 คน ไร้สัญญาณโทรศัพท์ต่อต่อสื่อสาร พร้อมตรวจความพร้อมโครงสร้างดิจิทัลรองรับเปิดรับนักท่องเที่ยว 1 พ.ย.นี้ หนุนรวมแอปฯลดความยุ่งยาก ปชช.-นักท่องเที่ยว
เมื่อวันที่ 31 ต.ค.64 คณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (กมธ.ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร นำโดย น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธาน กมธ. พร้อมด้วย นายสยาม หัตถสงเคราะห์ รองประธาน กมธ. พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กมธ. นายเสมอกัน เที่ยงธรรม เลขานุการ กมธ. และนายสมเกียรติ ถนอมสินธุ์ โฆษก กมธ. และตัวแทนจากสำนักงาน กสทช. ตัวแทนจากโอเปอร์เร้ตอร์ผู้ให้บริการ ลงพื้นที่ จ.เชียงรายโดยได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนประมาณ 500 กว่าคน ในหมู่บ้านแม่ห่าง บ้านห้วยมะเกลี้ยง และบ้านห้วยทราย อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่อยู่บนดอยและห่างไกลจากตัวอำเภอเป็นอย่างมาก ทำให้ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ในการติดต่อสื่อสารใดๆ ของพี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน จึงได้รวมตัวกันเมื่อยื่นเรื่องต่อ กมธ. เพื่อช่วยประสานในการขอความอนุเคราะห์ขอติดตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์เพื่อให้พี่น้องประชาชนในหมู่บ้านดังกล่าวติดต่อสื่อสารกันได้อย่างสะดวก
โดย น.ส.กัลยา กล่าวว่า การลงพื้นที่ จ.เชียงราย เพื่อมาติดตามเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ใน อ.เวียงป่าเป้า ที่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ใช้ ทำให้ชีวิตไม่ได้รับความสะดวกทาง กมธ.ดีอีเอส ซึ่งให้ความสำคัญในเรื่องนี้ จึงลงพื้นที่มาติดตามประสานงาน โดยฝากเรื่องไปยัง กสทช. ในการพิจารณาประสานงานต่อไป ซึ่งการติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยพัฒนาในด้านต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ ประเทศไทยทั่วทุกพื้นที่ควรจะมีสัญญาณเข้าถึงให้หมด โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีพี่น้องประชาชนอาศัยอยู่ ดังนั้นกมธ.จะติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด รวมถึงการเดินทางมา จ.เชียงราย ก็เพื่อสำรวจความพร้อมก่อนเปิดประเทศ วันที่ 1 พ.ย.นี้ โดยจากการสำรวจ ก็อยากให้การต้อนรับนักท่องเที่ยว มีความสะดวก ปลอดภัย มีสัญญาณอินเตอร์เน็ตใช้อย่างครอบคลุม มากกว่านี้
"เราเดินทางมาจากสนามบินครั้งนี้ ไม่ได้ใช้ช่องทางพิเศษ แต่ได้ใช้ช่องทางปกติ เหมือนประชาชน เพื่ออยากทราบปัญหาจริงๆว่า มีอะไรบ้าง ซึ่งก็พบว่า มีปัญหาการใช้แอปพลิเคชั่น ที่มีหลายแอปฯ ทำให้ซ้ำซ้อน และเพิ่มภาระให้นักท่องเที่ยว รวมถึงเสี่ยงแพร่โรคระบาดด้วย เพราะนักท่องเที่ยว จะรวมตัวสแกนคิวอาร์โค๊ด เพื่อเข้าจังหวัด หรือ แสดงหลักฐานการฉีดวัคซีน จะทำให้แออัด และมีการสัมผัสกันเกิดขึ้น ซึ่งจะยิ่งทำให้เสี่ยงติดเชื้อด้วย” น.ส.กัลยา กล่าว
เมื่อถามว่า แอปพลิเคชั่นที่ยังซ้ำซ้อนกันอยู่ หน่วยงานใดควรเป็นผู้รับผิดชอบ น.ส.กัลยา กล่าวว่า เรื่องนี้มีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงดิจิทัลฯ และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา รวมถึงหน่วยงานอื่นๆอีก ซึ่ง กมธ.ดีอีเอส กำลังจะเตรียมเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือว่าใครจะเป็นเจ้าภาพหลัก หรือจะต้องมีการตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่โดยมีตัวแทนจากทุกหน่วยงานเข้ามาทำงานร่วมกัน มาทำงานแบบบูรณาการ เชื่อโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลกันเพื่อจัดทำและบริหารจัดการแอปฯ เพื่อลดความยุ่งยาก เนื่องจาก เราเปิดประเทศ มีการเชิญชวนนักท่องเที่ยวมา ก็ควรได้รับความสะดวก ที่ใช้แพลตฟอร์มเดียวแล้วจบ.