วันนี้ (28 ต.ค.)นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ลงพื้นที่ตลาดหลาย พูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าพร้อมระบุว่าจากการพูดคุยปรากฎว่า ขณะนี้ประเทศไทยเหมือนตกอยู่ในอาถรรพ์ชั่วร้ายที่ไม่มีคนแก้ เพราะหัวหน้ารัฐบาลมัวแต่แก้ปัญหาของตัวเอง ปล่อยให้ประชาชนถูกวิกฤตค่าครองชีพหลอกหลอนซึ่งคาดว่าจะเป็นวิกฤติยาวถึงปีหน้าอีกปี
“ขณะนี้ประชาชนกำลังมีปัญหาปากท้องถ้วนทั่วหัวระแหง ไม่ว่าคนกรุงเทพหรือคนต่างจังหวัด ค่าครองชีพสูงพร้อมใจกันขยับสูงขึ้นหลายด้าน แต่ค่าแรงขั้นต่ำของประชาชนยังย่ำอยู่ที่ประมาณสามร้อยบาทนิดๆมาเกือบสิบปีแล้ว ผู้ประกอบการและคนทำงานก็หนักหนาไม่แพ้กัน ต้องรัดเข็มขัดกันเต็มที่ ในขณะที่รัฐบาลต้องการการจับจ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐิจ เป็นอะไรที่สวนทางกันมาก ตอนนี้ค่าน้ำมันแพงทั้งดีเซลและเบนซิน แต่มาตรการที่ออกมาทำได้แค่ตรึงราคาดีเซลอยู่ที่ 30 บาท ยังเป็นต้นทุนที่ยังสูงสำหรับภาคขนส่ง ขณะที่เบนซินยังสูงขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มผู้ใช้รถยนตร์ก็ต้องแบกต้นทุนนี้กันเอง ถามว่าขนส่งสาธารณะเพื่อเป็นทางเลือกให้ประหยัดมีหรือไม่ ก็ไม่มีเพียงพอ ยิ่งคนกรุงเทพฯถ้าอยากจะใช้รถไฟฟ้า นั่งไปกลับก็เกือบเท่าค่าแรงขั้นต่ำ คงต้องกินข้าวกับไข่ดาวทุกวันหากจะเข้าถึงบริการรถไฟฟ้าได้ จะเปลี่ยนไปรถยนตร์นอกจากค่าน้ำมันก็เตรียมไปเจอค่าทางด่วนที่จ่อขึ้นอีก ขณะที่ปีหน้าค่าไฟฟ้ามีสัญญาณว่าจะขึ้นราคาแน่นอน”
นายธวเดช กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่เริ่มดีขึ้น มีการผ่อนคลายมาตรการหลายด้านทำให้พอทำมาหากินได้ แต่ถ้าต้องมาเจอกับค่าครองชีพที่จ่ออยู่ขนาดนี้ก็แทบไม่ต่างกับหนีเสือปะจระเข้ หนีโควิดเจอรัฐบาลประยุทธ์ ที่ไม่มีเวลาสนใจใยดีปัญหาปากท้องของประชาชนเลย หันไปดูพี่น้องต่างจังหวัดที่ทำเกษตรก็เจอกับปัญหาราคาปุ๋ยแพงมาแล้วครึ่งปีสวนทางกับราคาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำเกือบทุกตัว ไม่ว่า มังคุด ลำไย และที่กำลังเป็นรายต่อไปก็คือข้าว รายได้เข้ามาน้อยแต่รายจ่ายสูง นี่คือสภาพที่คนไทยจะต้องเจอยาวไปจนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน
“ผมยังมองไม่เห็นรัฐบาลนี้จะกระตือรือล้นออกมาแก้ปัญหาเหล่านี้ ทุกวันนี้ข่าวของรัฐบาลมีแค่การแก้ปัญหาเสถียรภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นปัญหาวุ่นวายเหมือนลิงแก้แหมาตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา อยากให้ใส่ใจปัญหาประชาชนเหมือนขาเก้าอี้ตัวเองบ้าง หลังโควิดแทนที่ประชาชนจะได้ฟื้นตัว แต่มาเจอค่าครองชีพแบบนี้ อนาคตที่รออยู่คือหมดตัวหรือหนี้กองโต อยากให้ปรับกระบวนทัศน์เสียใหม่ เลิกวุ่นวายกับเรื่องหวงอำนาจ เพราะถ้าทำงานดี ประชาชนอิ่มท้อง เขาจะปกป้องท่านเอง ต่อให้ชายสีเทาคนนั้นจะมีฤทธิ์แค่ไหนก็โค่นท่านไม่ได้ แต่ถ้ายังคิดแบบเดิมๆแบบนี้ ไม่ต้องรอให้ใครไปแทงข้างหลังท่านในสภา พิจารณาตัวเองแล้วลาออกไปเสียแต่ตอนนี้จะสมศักดิ์ศรีกว่า” หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ ระบุ