xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กตู่”เดินหน้ารุกต่อ ฟื้นครม.สัญจร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชน
เมืองไทย 360 องศา

เผยกำหนดการออกมาคร่าวๆ ให้เห็นแล้วว่า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รื้อฟื้นการประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่หรือ “ครม.สัญจร” ขึ้นมาอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานปีกว่าหลังจากเกิดโรคระบาดโควิด-19 โดยเล็งพื้นที่ภาคใต้ ที่จังหวัดกระบี่ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าจังหวัดนำร่องสำหรับการท่องเที่ยว

ล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา มีกำหนดการที่ออกมาอย่างเป็นทางการกำหนดวันประชุมในวันที่8-9 พฤศจิกายน ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังวันที่มีการประกาศ”เปิดประเทศ”รับนักท่องเที่ยวประมาณหนึ่งสัปดาห์

ขณะเดียวกันกำหนดการการลงพื้นที่ตรวจราชการและเยี่ยมเยียนประชาชนทั่วประเทศก็ยังดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องเช่นเดิม ล่าสุดมีกำหนดการลงพื้นที่ที่จังหวัดสิงห์บุรี ในวันที่ 20 ตุลาคมนี้ ซึ่งตามกำหนดการระบุว่าเป็นการตรวจเยี่ยมการเตรียมความพร้อมและรับมือปัญหาเกี่ยวกับอุทกภัย ถือว่าเป็นการลงพื้นที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำรัฐบาลที่ต้องลงไปจัดการกับปัญหาหรือรับฟังปัญหาข้อเสนอแนะจากพื้นที่ทั้งข้าราชการและประชาชนหลังจากได้มอบนโยบายสั่งการไปแล้ว

อย่างไรก็ดี หากพิจารณาในมุมการเมืองก็ต้องถือว่าการลงพื้นที่แบบนี้เป็นการ “หาเสียงแบบเนียนๆ” และได้ผลดีที่สุดอีกด้วย และที่สำคัญยังเป็นข้อได้เปรียบ “ฝ่ายตรงข้าม”อีกด้วย

ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เริ่มกลับมาลงพื้นที่เยี่ยมเยียนประชาชนอีกครั้ง หลังจากที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัดมาได้ระยะหนึ่งแม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะยังเป็นตัวเลขยังสูงในหลักหมื่นหรือต่ำกว่าแบบไกล้เคียง รวมไปถึงผู้เสียชีวิตที่ยังใกล้แตะหลักร้อย แต่เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มทำให้มั่นใจว่าตัวเลขเริ่มทรงตัวและค่อยๆ ลดลง ขณะเดียวกันยังมั่นใจจากตัวเลขจำนวนการฉีดวัคซีนที่กำลังเดินไปตามเป้าหมายหรือเกินเป้าก่อนสิ้นปีนี้ จนนำไปสู่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมลงมามากแล้ว และในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจจนเกือบปกติตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป

แน่นอนว่าการเปิดประเทศที่มาพร้อมกับมาตรการของภาครัฐจากโครงการต่างๆ เช่น คนละครึ่ง เราเที่ยวด้วยกัน บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ ที่กระตุ้นเป็นแรงส่งเพิ่มเติมในช่วงปลายปี เพื่อให้การกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสสุดท้ายปีนี้พลิกกลับมาเป็นบวก และต่อเนื่องไปจนถึงต้นปีหน้า ล่าสุดคณะรัฐมนตรีก็อนุมัติเงินเพิ่มเติมเข้ามาแล้ว โดยเฉพาะเพิ่มวงเงิน “คนละครึ่ง” เพิ่มอีกคนละ 1,500 บาท

ความเคลื่อนไหวจากโครงการดังกล่าวมองอีกด้านหนึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจ นักลงทุนซึ่งล่าสุดมีรายงานจากผลสำรวจออกมาในทางบวกตรงกัน โดยเฉพาะนโยบายการเปิดประเทศที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน เป็นต้นไป นอกจากได้สร้างความหวังและทำให้คนไทยกลับมาใช้ชีวิตเกือบปกติตามมาตรการป้องกันโรคที่ยังเข้มงวดแล้วอีกด้านหนึ่งก็ยังเป็นการสร้างโอกาสให้กับ “บุ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับการ “มีลุ้น” ได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกรอบหลังการเลือกตั้งคราวหน้า ซึ่งที่ผ่านมาก็มีท่าทีแสดงออกมา ให้เห็นว่าต้องการ “ขอโอกาสสานงานต่ออีก5ปี”

ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งหากพิจารณาจากความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาลนาทีนี้ยังถือว่ายังอยู่ในขั้นดี มีลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัย ยังกอดคอกันหลวมๆ แบบวินวินไปด้วยกัน อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เหลืออีกราวปีกว่ายังถือว่าสามารถขับเคลื่อนทางด้านนโยบายและการใช้งบประมาณสำหรับการสร้างผลงานและ “ตุนกระสุน” ไปในคราวเดียวกันได้อีกด้วย

แม้ว่าหากโฟกัสเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เฉพาะการลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรีในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ หากมองในรายละเอียดก็เหมือนกับการ “ซัพพอร์ต”คนกันเองที่อยู่ในกลุ่มหนุนเป็นฐานเสียงหลักในพรรคพลังประชารัฐตามหลักการ “ถ่วงดุล”ภายในก็ตาม เพราะสิงห์บุรีถือถิ่นของ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เหมือนกับก่อนหน้านี้เดินสายเยือนถิ่นชลบุรี ในเขตพื้นที่ของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และกลุ่ม “คุณปลื้ม” รวมทั้งอีกหลายจังหวัดก่อนหน้านี้มาแล้ว

ขณะที่การเคลื่อนไหวแบบนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รวมไปถึงแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ มองในทางการเมืองถือว่าเป็นการ “สะสมแต้ม”ตุนเอาไว้เต็มกระเป๋า เป็นการสร้างความได้เปรียบเอาไว้แต่เนิ่นๆ

แต่อีกด้านหนึ่งเมื่อหันไปมองทางพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย นาทีนี้ได้แต่ “กัดฟันกรอดๆ” มองตาปริบๆ เพราะเหมือนกับ “ชะตากลั่นแกล้ง” หลังจากสถานการณ์โรคระบาดมีแนวโน้มที่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะจากการฉีดวัคซีนที่กำลังเข้าเป้า ทำให้สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อีกครั้ง รวมไปถึงการสัญจรลงพื้นที่ทั่วประเทศแบบนี้มันก็ทำให้ต้อง “ร้องจ๊าก” แน่นอน !!


กำลังโหลดความคิดเห็น