จากกรณีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมจะยื่นเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวหา นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แจ้งถือครองที่ดินของรัฐ (น.ส.2) โดยมิชอบ
ล่าสุด วันนี้ (23 ก.ย.) นายศุภชัย โพธิ์สุ ส.ส.พรรคภูมิใจไทย และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 แถลงข่าวกรณีดังกล่าวว่า ที่ดินทำกินบริเวณผืนป่าดงพะทาย จ.นครพนม เป็นการจัดที่ดินเพื่อประชาชนในตำบลดงพะทาย ตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชน โดยมีมติที่ประชุมของคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ เมื่อวันที่ 15 ม.ค. 18 โดยมีสาระสำคัญ คือ เป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า ซึ่งมิใช่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน มิใช่พื้นที่สงวนหวงห้าม เช่น ที่ป่าสงวนแห่งชาติหรือที่ราชพัสดุ ดังนั้น ทางราชการจึงสามารถนำมาจัดสรรหรือออกเอกสารสิทธิให้แก่ราษฎรตามประมวลกฎหมายที่ดินได้ ซึ่งในปัจจุบัน (2518-2564) จัดสรรทั้งหมด จำนวน 1,492 แปลง แยกเป็น น.ส.3 ก. จำนวน 32 แปลง เป็นโฉนด จำนวน 30 แปลง คงเหลือเป็นใบจอง จำนวน 1,430 แปลง
นายศุภชัย ยังกล่าวถึงการได้สิทธิครอบครองที่ดิน ว่า ต่อมาราษฎรที่ได้รับการจัดที่ดินไม่ปฏิบัติตามระเบียบคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ โดยนำมาขายให้กับบุคคลอื่นก่อน และต่อมาตกมายังตนเอง ที่ดินนั้นก็ยังเป็นที่ดินประเภทที่รกร้างว่างเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1) ซึ่งตนเองเป็นผู้ครอบครองและทำประโยชน์จึงสามารถนำมาขอออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดิน (โฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์) ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1334 และเนื่องจากเป็นที่ดินที่ถือว่าผู้ครอบครองได้ครอบครองและทำประโยชน์ภายหลังจากวันที่ประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับ (หลังวันที่ 1 ธันวาคม 2497) ซึ่งสามารถนำที่ดินมานำเดินสำรวจออกโฉนดที่ดินได้ตามมาตรา 58 ทวิ วรรคสอง (3)
“สำหรับกรณีเรื่องนี้นั้นได้มีการตรวจสอบจากหน่วยงานของรัฐอย่างละเอียดเมื่อครั้งที่ยังดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบได้มีหนังสือยืนยันความถูกต้องของการถือครองที่ดินดงพะทาย โดยมีหนังสือจากกรมที่ดิน เลขที่ มท 0516.3/40984 ลงวันที่ 29 ธ.ค. 53 และหนังสือจากสำนักงาน ป.ป.ช. ออกเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 52 โดยตลอดระยะเวลา 34 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ พ.ศ. 2530 ซึ่งในขณะนั้นเป็นครูใหญ่โรงเรียนบ้านท่าหนามแก้ว ต.พะทาย ในสมัยนั้น ปัจจุบันชื่อ ต.หนองเทา และได้ทำการเกษตรในที่ดินแปลงดังกล่าวมาโดยตลอด จนเมื่อครั้งเข้ารับตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงได้แสดงในบัญชีทรัพย์สิน โดยยึดถือเจตนาบริสุทธิ์ เนื่องจากได้รับประโยชน์จากที่ดินแปลงดังกล่าว และเข้าใจว่ามีสิทธิในการครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย” นายศุภชัย กล่าว