วันนี้ (23 ก.ย.)นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ เปิดเผยว่า พรรคพร้อมเปิดนโยบาย พลิกฟื้นเศรษฐกิจภาคใต้ เนื่องจากตนในฐานะเป็นคนใต้เติบโตที่หาดใหญ่รู้สึกหดหู่ใจที่ความรุ่งเรืองเมืองการค้าแห่งนี้เป็นเพียงเรื่องเล่า เพราะปัจจุบันเศรษฐกิจภาคใต้โดยเฉพาะอำเภอหาดใหญ่ อยู่ในสภาวะหยุดหนึ่งจากการพัฒนามานาน ซึ่งตนโตมาในช่วงที่เศรษฐกิจภาคใต้กำลังบูม ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจเมืองหนึ่งของภาคใต้
นายธวเดช กล่าวต่อว่า ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจภาคใต้ถูกแช่แข็งคือ การกระจายอำนาจไม่มากพอทั้งในทางเศรษฐกิจหรือการบริการที่ไม่ให้อิสระกับท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ทำให้เศรษฐกิจของภาคใต้รวมถึงภูมิภาคอื่น ไม่สามารถพัฒนาเมืองของตนเองขึ้นเป็นหัวเมืองขนาดใหญ่เหมือน ‘กรุงเทพ’ ได้ เมื่อทิศทางการพัฒนาถูกกำหนดจากส่วนกลาง ไม่ว่างบประมาณหรือนโยบาย จึงทำให้เมืองที่เคยเติบโตได้ในยุคหนึ่งเพราะนโยบายช่วงหนึ่ง เมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมในบริบทใหม่ของอีกยุคหนึ่งจึงไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จากเมืองที่มีศักยภาพก็ค่อยๆกลายเป็นเมืองที่เสื่อมพลังลงไปลงไปอย่างน่าเสียดาย ‘หาดใหญ่’ เป็นหนึ่งในเมืองที่ถูกละเลยจากการพัฒนาแบบนั้น
นายธวเดช ยังกล่าวต่อว่า เป้าหมายของพรรคแนวทางใหม่คือ คือ การMake Hatyai Great Again หรือการ ทำให้ ‘หาดใหญ่’ ให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง สิ่งสำคัญประการแรกที่ต้องทำคือ ต้องสนับสนุนการปลดล็อกอำนาจจากส่วนกลาง เพื่อให้เกิด ‘การกระจายอำนาจอย่างแท้จริง’ มิเช่นนั้น ไม่ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ต่อหรือเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่า ‘พวกเขา’ ที่นั่งอยู่กรุงเทพจะมองเห็นปัญหาและอยากพัฒนาอนาคตของหาดใหญ่ด้วยสายตาแบบเดียวกันกับพวกเรา
“นี่คือทิศทางหลักของ ‘พรรคแนวทางใหม่’ ที่สนับสนุนเรื่องการกระจายอำนาจอย่างเต็มที่ ส่วนในตอนนี้อีกสิ่งหนึ่งที่เราทำได้คือความพยายามสร้างความเติบโตไปพร้อมกับเมือง ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่ทุกเมืองจะต้องมี ‘ยุทธศาสตร์’ จากคนพื้นที่เองเป็นคู่มือการพัฒนาคู่ขนานไปกับแรงขับเคลื่อนทางการเมือง เพื่อเป็นเสมือนสัญญาประชาคมระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน สิ่งที่เรากำลังจะทำต่อจากนี้ไป คือ การสร้างพื้นที่สาธารณะทั้งในแบบออนไลน์และวงสนทนาแลกเปลี่ยน เพื่อเปิดพื้นที่ความคิดและรวบรวมจัดทำเป็นยุทธศาสตร์ของเมือง หรือเป็นแก่นแกนในการพัฒนาก้าวต่อไปจากจุดแข็งเดิมและเพิ่มเติมด้วยจุดเปลี่ยนใหม่ สร้าง ‘หาดใหญ่ยุคใหม่’ ในแบบที่พวกเราออกแบบเอง”นายธวเดช กล่าว