รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านร่างประมวลจริยธรรมข้าราชการการเมือง ต้องเปิดเผยข้อมูลครบถ้วน ไม่บิดเบือน ไม่แทรกแซงการดำเนินการทางวินัย
วันนี้ (22 ก.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวานนี้ (21 กันยายน 2564) ว่า ครม.เห็นชอบร่างประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ. .... ตามที่ได้ปรับแก้ไขให้เป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการมาตรฐานทางจริยธรรม (ก.ม.จ.) ซึ่งมีสาระสำคัญเป็นการกำหนดหลักเกณฑ์การประพฤติปฏิบัติอย่างมีคุณธรรมของข้าราชการการเมือง โดยสาระที่ได้ปรับแก้เพิ่มเติมมีดังนี้
1. เพิ่มพฤติกรรมการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร ให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติ ข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ. 2540 เพื่อให้ข้าราชการการเมืองต้องดำรงตนโดยเปิดเผยหรือให้ข้อมูลข่าวสารอันอยู่ในความรับผิดชอบของตนอย่างถูกต้องครบถ้วนและไม่บิดเบือนแก่ประชาชน
2. เพิ่มเติมถ้อยคำ “การดำเนินการทางวินัย” โดยกำหนดให้ข้าราชการการเมืองต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นข้าราชการการเมือง เข้าก้าวก่ายหรือแทรกแซงเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้นำร่างประมวลจริยธรรมฯ ใช้บังคับกับบุคคลหรือผู้ปฏิบัติงานให้แก่ข้าราชการการเมืองในตำแหน่งที่ปรึกษาหรือตำแหน่งอื่นๆ ที่รัฐมนตรีแต่งตั้งนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการการเมือง พ.ศ. 2535 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี พ.ศ. 2546 โดยอนุโลมด้วย
สำหรับสาระสำคัญของร่างประมวลจริยธรรมทั้งฉบับ ประกอบด้วย (1) ต้องยึดมั่นในสถาบันหลักของประเทศอันได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (2) ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต มีจิตสำนึกที่ดี และรับผิดชอบต่อหน้าที่ (3) ต้องกล้าตัดสินใจและกระทำในสิ่งที่ถูกต้องชอบธรรม (4) ต้องดำรงตนโดยเปิดเผยหรือให้ข้อมูลข่าวสารอันอยู่ในความรับผิดชอบของตนอย่างถูกต้องครบถ้วน และไม่บิดเบือนแก่ประชาชน (5) ต้องยึดถือประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม และมีจิตสาธารณะ (6) ต้องปฏิบัติหน้าที่โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน โดยต้องดำรงตนปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ (7) ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเป็นธรรมและไม่เลือกปฏิบัติ และไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นข้าราชการการเมืองเข้าก้าวก่ายหรือแทรกแซงเกี่ยวกับการดำเนินการทางวินัย และ (8) ต้องดำรงตนเป็นแบบอย่างที่ดีและรักษาภาพลักษณ์ของทางราชการ