“บิ๊กตู่” ตรวจ Factory Sandbox ยึดหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข รับเห็นแววตาทุกคนมีความหวัง

นายกฯ ลงพื้นที่ตรวจโรงงานโครงการ Factory Sandbox ย้ำเป็นไปตามหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข สร้างสมดุลปากท้องสุขภาพ ชูส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง ยันเตรียมโครงสร้างพื้นฐานมาตลอด EEC คืบไปมาก เล็งขยายท่องเที่ยว รับเห็นแววตาทุกคนที่มีความหวัง

วันนี้ (17 ก.ย.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ ในเรื่อง Factory Sandbox โดยมีเนื้อหาระบุว่า พี่น้องประชาชนที่รักทุกท่าน วันนี้ ภารกิจสำคัญของผม คือ ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงงานตามโครงการ Factory Sandbox ที่เน้นภาคการผลิตและอุตสาหกรรมส่งออกขนาดใหญ่ ซึ่งถือเป็นเครื่องจักรกลสำคัญ ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เชื่อมโยงไปกับการจ้างแรงงานกว่า 3 ล้านคน การใช้วัตถุดิบในประเทศจากภาคเกษตรและอุตสาหกรรม รวมทั้งเชื่อมโยงกับธุรกิจ SME ของไทย และการลงทุนจากต่างประเทศ

แม้ว่าเราจะยังอยู่ในวิกฤตโควิด แต่ตัวเลขการส่งออกไทยเดือน ก.ค.ปีนี้ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องที่ 20.27% (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว) นับว่าสูงสุดในรอบ 11 ปี และมีแนวโน้มว่าตลอดปี 2564 นี้ การส่งออกจะขยายตัวในระดับสูงที่ 12.4% ซึ่งการจะไปสู่เป้าหมายนั้นได้ โรงงาน/สถานประกอบการที่เป็นกลุ่มเป้าหมายตามโครงการ Factory Sandbox นี้จะต้องดำเนินกิจการตามมาตรการ “ตรวจ รักษา ควบคุม ดูแล” ของ ศบค. อย่างเคร่งครัด เป็นไปตามหลัก “เศรษฐศาสตร์สาธารณสุข” ที่มุ่งสร้างสมดุลระหว่างปากท้องและสุขภาพ

สำหรับการนำพาประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤตโลกครั้งนี้นั้น รัฐบาลได้เตรียมความพร้อมโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ในทุกด้านอย่างต่อเนื่อง ตลอด 6 ปีที่ผ่านมา มีการลงทุนของภาครัฐขยายตัว เฉลี่ย 7.9% ต่อปี เพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพ

เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเป็นโครงการสำคัญของรัฐบาล ในการสร้างนวัตกรรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้อย่างมหาศาลในอนาคต ก็คืบหน้าไปมาก โดย 3 ปีที่ผ่านมามีการลงทุนไปแล้วกว่า 1.6 ล้านล้านบาท เป็นการลงทุนจริงในอุตสาหกรรมเป้าหมายราว 8 แสนล้านบาท

ในขณะเดียวกัน การเปิดประเทศด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ที่มี “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เป็นโครงการนำร่อง ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว กว่า 33,000 คน มีการใช้จ่ายในพื้นที่มากกว่า 1,600 ล้านบาท และมีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจมากกว่า 3,800 ล้านบาท (สะสม 2 เดือน : ก.ค.- ส.ค. 64) ซึ่ง “การท่องเที่ยวปลอดภัย-ปลอดเชื้อ” นี้ จะมีการขยายผลไปยังเกาะ/จังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ ในระยะต่อไป เร็วๆ นี้ด้วยครับ

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาล ที่จะทำให้การพัฒนาบ้านเมืองของเราเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ตามยุทธศาสตร์ชาติ

การลงพื้นที่ครั้งนี้ ก็เหมือนทุกครั้งที่ผมได้สัมผัสใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชน และข้าราชการที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน โดยผมสังเกตเห็นแววตาที่มีความหวังของทุกคน และรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยมิตรไมตรี ยิ่งทำให้ผมมีกำลังใจในการทำงานเพื่อคนไทยทุกคนต่อไปครับ