ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เมื่อพี่ใหญ่ 3ป.ปัก “ธรรมนัส” ไว้เป็น “หอกข้างแคร่” น้องตู่ สงครามนอมินี นี่นี้ ยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร
สภาพพพ...ของพี่น้อง 3ป. “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ “พี่รอง” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ “น้องเล็ก” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถึงตอนนี้เป็นอย่างไร? ยังเป็นประเด็นที่หลายฝ่ายจับจ้องไม่วางตา
ตั้งแต่ศึกอภิปรายฯ ที่ “ลุงตู่” รู้ว่าโดนแซะ มาถึงการปลดเพื่อเอาคืน “ผู้กอง” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า “จารย์แหม่ม” นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากรัฐมนตรี จนมาถึงการ “วัดกำลัง” ระหว่าง น้องตู่ vs พี่ป้อม ในการโหวตเห็นชอบวิธีการเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบ นั้นว่ากันว่า ทำให้โลกของ “ลุง 3 ป.” และ ทิศทางการเมืองหลังจากนี้จะเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
จากที่ร่วมกันครองอำนาจรัฐมายาวนาน 3 ป. จะไปต่อแบบไหนใครจะรอด หรือไม่รอด ยังไง
ก่อนจะมาว่ากัน ลองมาดู ปฏิกิริยาของสังคมกันนิด...
“วันชัย สอนศิริ” สมาชิกวุฒิสภาโพสต์ข้อความในเพจ เฟซบุ๊ก “ทนายวันชัย สอนศิริ” ไว้น่าสนใจว่า “ถามมาเยอะ พูดกันแยะว่าแล้วจะยังไงกันต่อไป...รัฐบาลจะไปรอดไหม... นานอีกแค่ไหน... ก็ขอบอกว่า 3 เรื่องนี้ จะเป็นคำตอบที่ฟันธงตรงเปรี้ยงว่า จะรอดหรือไม่รอด และจะนานแค่ไหน อย่างไร
1. เมื่อผู้มีอำนาจแตกกัน รัฐบาลก็พัง
2. เมื่อพรรคร่วมแตกกัน รัฐบาลก็พัง
3. เมื่อมีการโกงกินทุจริตคอร์รัปชันชัดแจ้ง รัฐบาลก็พัง
ก็ดูเอาแล้วกันว่ารัฐบาลตอนนี้เข้า หรือกำลังเข้าข้อไหน เตรียมนับถอยหลังได้”
ขณะที่ อารมณ์ของสังคมดูจาก “นิด้าโพล” ที่สำรวจความเห็นประชาชนในหัวข้อ เรื่อง “ความเป็นไปได้ทางการเมืองของ 3 ป.” ซึ่งคำถามสำคัญที่ว่า มีโอกาสที่ “ลุงตู่” จะกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหรือไม่ ส่วนใหญ่ 32.06 % บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งนี้เป็นสมัยสุดท้าย
ขณะคนที่เชื่อว่า “ลุงตู่” จะกลับมาได้อีกสมัย มีแค่ 10.84% เท่านั้น
จากที่ ส.ว.ชวนให้คิด หรือ ผลโพลที่ออกมา เมื่อมาดู “สภาพ” ที่เป็นอยู่ประกอบ โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวของ พรรคพลังประชารัฐ พรรคของ “ลุงป้อม” ที่เป็นฐานให้ลุงตู่ ยืนยันแล้วว่า แม้ ร.อ.ธรรมนัส และ นฤมล คีย์แมนของพรรคน้องรักลุงป้อม จะถูกลุงตู่ปลด ออกจาก รมต. แต่โครงสร้างพรรคจะยังไม่เปลี่ยน
นั่นหมายความว่า ยังไงซะ “ผู้กองธรรมนัส” ที่ตอนนี้กลายเป็นคนที่ได้รับความสนใจ เป็นคนที่กล้าชน กล้าสู้ จนชาวพะเยา ยกเป็น “นักสู้ล้านนาแห่งประชาธิปไตย” นั้นไม่ธรรมดา ยังแนบแน่น และลุงป้อม ยังไว้วางใจให้อยู่ในตำแหน่งสำคัญ “เลขาธิการพรรค” เดินเครื่องการเมืองต่อ
ท่ามกลางข่าวปล่อยเพื่อ “ด้อยค่า” พี่ใหญ่ป้อม ที่ว่าน้อยใจ จะลาออกจากหัวหน้าพรรคที่ลงทุนมากับมือ ทำนองนี้ก็คล้ายๆ “พี่ป้อม” จะตัดสินใจแน่วแน่ นอกจากออกมาปฏิเสธ สยบข่าวที่ด้อยค่าตัวเองด้วยการจะไม่ไปไหน ยังส่งสัญญาณชัดๆ บอกไปถึง “น้องตู่” ว่า คิดจะปัก “หอก” ธรรมนัส ไว้ข้างแคร่ น้องตู่ แบบนี้แหละ ใครจะทำไม!
เผลอๆ จะส่งไปถึง “น้องป๊อก” อีก 1ป. ด้วยว่า พี่ใหญ่ยังแค้นเคืองไม่หาย ที่น้องรอง น้องเล็ก ดีดลูกคิดรางแก้ว จับมือกันจะสร้างพรรคใหม่ ภายใต้การรอ “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ เกษียณจากมหาดไทย สิ้นกันยายนนี้มาขับเคลื่อนให้...ไม่ง่ายอย่างใจ “2ป.” คิดหรอก
ปมนี้ “พี่ใหญ่” ไม่ใช่ไม่รู้ ว่า น้อง 2ป. คิดอะไรอยู่ คิดว่า พปชร.ไม่อาจเป็นฐานที่มั่นได้อีกต่อไป จึงหาพรรคใหม่มาแทน เดิมทีก็ดูเหมือนจะเสริมส่งกันกับ พปชร. แต่ทำไปทำมา กลายเป็นว่า “2ป.” มีไว้เพื่อบีบพี่ใหญ่ มากกว่า
แต่เมื่อวัดกำลังตอนนี้ พอเลือกตั้งครั้งหน้า กติกาเปลี่ยน เป็นบัตร 2 ใบ เป็นไปตามประสงค์ “ลุงป้อม” ที่วิเคราะห์กันว่า พรรคใหญ่จะได้เปรียบ ก็เหลือเพื่อไทยจะวัดกับ พปชร. ยิ่งชัดว่า พี่ใหญ่ไปต่อไม่รอแล้วนะ โมเมนตั้มคนกุมเกมมาอยู่ที่ “พล.อ.ประวิตร” อีกครั้ง
ว่ากันว่า ศึกครั้งนี้ใหญ่ เดิมพันหลายอย่าง จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางการเมือง ที่ทุกคนมองว่า “ทักษิณ” มีสิทธิ์รีเทิร์น และ อาจเป็น “ดีลลับ” ที่เพื่อไทยจะจับมือ พปชร. เป็นรัฐบาลแค่สองพรรค
ของพรรค์นี้ อย่าดูเบา การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทำไมจะเกิดขึ้นไม่ได้ แถมเวลานี้ ลุงป้อมก็รู้ น้องตู่ จะไปต่อก็ไม่มีใครเอา อย่างที่โพลประชาชนก็เห็นๆ ว่า ครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะนั่งเป็นนายกฯ
เลือกตั้งครั้งหน้าจะได้เห็น “ทางเลือกนายกฯคนใหม่” แต่ฝากทีมเชียร์ลุงตู่ มีหรือจะยอม นั่นจึงเป็นที่มาของการพยายามทำทุกอย่าง ให้ได้กลับมาสืบทอดอำนาจ แม้จะต้อง “แตกหัก” กับพี่ใหญ่ ก็ตาม
เพราะฉะนั้นแล้ว “บัตร 2 ใบ”จะเป็นหมากพิฆาต “พรรคน้องป๊อก” ที่น้องตู่สนับสนุน อย่างไรนั้น คาดเดาได้ไม่ยาก ครั้นคิดจะเปิดตัวเป็นพรรคใหญ่ ตูมตาม โชว์พลังดูด นักการเมืองก็คงจะมีแต่ “สันติ พร้อมพัฒน์”หรือ สันติพร้อมมาก ที่ยินดี ส่วนใหญ่เห็นฤทธิ์เห็นเดช “ลุงตู่” มาแล้ว น่าจะเข็ดเขี้ยวไม่กล้าจะลงเรือด้วย ลำพังกำลังทุน กำลังคน จะมาจากไหนก็ยังเป็นคำถาม
สรุปว่า ในเมื่อ “พี่ป้อม” ยืนตั้งป้อมตระหง่าน กางปีกป้อง พปชร. อยู่อย่างนี้ แถมหากมีขุนศึกที่ชื่อ “ธรรมนัส”ปักไว้เป็นหอกข้างแคร่ 2ป.
การต่อสู้หาญหักจะคงเคลื่อนไหวกันผ่านสงคราม “นอมินี”กันต่อไปอย่างแน่นอน และยิ่งจะดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ โปรดอย่ากะพริบตากันเชียว
**เช็กบิล “มาดามเดียร์” งานนี้ไม่ธรรมดา
ความเคลื่อนไหวของ “เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ” อดีต กมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ. 2565 สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ลุกขึ้นมาขอให้กระทรวงการคลังตรวจสอบ “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ ของ พปชร. เรื่องนี้ไม่ธรรมดา
“เรืองไกร” รู้กันดีว่า เคยร้องเรียนกรณีการทุจริตในหลายต่อหลายเรื่อง ถือเป็น “นักร้อง” ในตำนานที่มีชื่อ ส่วน “มาดามเดียร์” มีกรณีที่สวนมติพรรคอยู่ให้ค้างคาใจพรรคร่วมอยู่บ่อยครั้ง จนผู้ใหญ่ในพรรค พปชร. ไม่สบายใจแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้
คราวนี้ “เรืองไกร” ที่ต้องบอกว่าอยู่ขั้วเดียวกัน หันปากกระบอกปืนมาใส่สมาชิก พปชร.ด้วยกันก็น่าคิด
เขาจับกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ ที่มีน้องชาย “มาดามเดียร์” เข้าไปเกี่ยวข้อง นั่นคือ กรณี สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สั่งปรับ 6.2 ล้าน นักลงทุน 7 ราย ที่เข้าข่ายปั่นหุ้น “เนชั่นทีวี”
“เรืองไกร” เห็นว่า ต้องย้อนไปดูบัญชีทรัพย์สินของ “วทันยา วงษ์โอภาสี” ที่เคยยื่นต่อ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. เมื่อ 5 มิ.ย. 62 แจ้งต่อ ป.ป.ช. ไว้บางส่วน ที่อาจเกี่ยวข้องกับข่าว ก.ล.ต.
กล่าวคือ “ภควันต์ วงษ์โอภาสี” เป็นน้องชายของ “วทันยา วงษ์โอภาสี” ในการแจ้งบัญชีดังกล่าว “วทันยา” แจ้งว่า มีเงินให้กู้ยืมแก่ “ภควันต์” 2 ครั้ง คือ ลำดับที่ 1 วันที่ 6 ธ.ค. 61 จำนวน 24,907,500 บาท ลำดับที่ 2 วันที่ 20 ธ.ค. 61 จำนวน 20,454,794.52 บาท รวมเป็นเงิน 45,362,294.52 บาท หมายเหตุว่า ลำดับที่ 1-2 เป็นของผู้ยื่น คำนวณยอดเงินให้กู้ยืม พร้อมดอกเบี้ย ณ วันที่ 5 มิ.ย. 62 และแจ้งว่า มีเอกสารประกอบเงินให้กู้ยืม8 แผ่น
เมื่อย้อนไปดูการแจ้งรายได้ต่อ ป.ป.ช. พบว่า “วทันยา” แจ้งว่า มีดอกเบี้ยเงินกู้ยืม (ต่อปี) 2,215,000 บาท ดังนั้น รายได้ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมดังกล่าว หากได้รับเงินมาในปีใด เช่นในปี 62 หรือ 63 เงินได้นั้น ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ต้องนำไปเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อกรมสรรพากรด้วย
กรณีนี้จึงมีเหตุต้องขอให้ รมว.คลัง สั่งการให้กรมสรรพากร ทำการตรวจสอบจากบัญชีที่แจ้ง ป.ป.ช. หลังจากแจ้งป.ป.ช. แล้ว มีการรับเงินค่าดอกเบี้ยมาแล้วเท่าใด ปีละเท่าใด และดอกเบี้ยนั้นได้นำไปเสียภาษีแล้วหรือไม่
ในรายงานบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ของ “วทันยา” นั้นมีคู่สมรสชื่อ “ฉาย บุนนาค” และเมื่อตรวจดูข้อมูลหุ้น NBC (บมจ. เนชั่น บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น) จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่า หุ้น NBC มี “ฉาย บุนนาค” เป็นประธานกรรมการบริษัท เมื่อค้นข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ พบว่า เมื่อวันที่ 9-10 ต.ค. 61 “วทันยา” เคยซื้อหุ้น บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) จำนวน 4,200 ล้านหุ้นๆ ละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 42 ล้านบาท และต่อมา เมื่อวันที่ 11-12 ธ.ค. 61 ขายหุ้น บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) จำนวน 4,200 ล้านหุ้นๆ ละ 0.01 บาท รวมเป็นเงินประมาณ 42 ล้านบาท ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าว ใกล้เคียงกับเวลาที่ให้กู้ยืมเงินแก่ “ภควันต์” ด้วย
นอกจากนี้ ยังพบว่า NBC มี “ฉาย บุนนาค” เป็นประธานกรรมการบริษัท ประธานกรรมการบริหาร และมี บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อันดับ 1 จำนวน 71.45% บมจ.เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป (NMG) มี “ฉาย บุนนาค” เป็น ประธานกรรมการบริหาร รองประธานกรรมการ, ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และมี บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 2 จำนวน 9.96%
จากข้อมูลที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. และข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ จึงมีเหตุควรตรวจสอบขยายผลต่อไปจาก ก.ล.ต.ว่า มีความเชื่อมโยงกันระหว่าง “วทันยา วงษ์โอภาสี” “ภควันต์ วงษ์โอภาสี” และ “ฉาย บุนนาค” หรือไม่อย่างไร รวมทั้งความเชื่อมโยงระหว่าง หุ้น NBC, NMG และ NEWS ด้วย เพราะ วันที่ 9 ก.ย. 64 “ภควันต์” ยังเป็นผู้ถือหุ้น NBC อยู่ 5,500,000 หุ้น เนื่องจากค่าปรับของ ก.ล.ต.ต้องนำส่งคลัง และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องยื่นต่อกรมสรรพากร ล้วนอยู่ในการกำกับดูแลของรมว.คลัง
กรณีนี้ จึงควรขอให้ รมว.คลัง ตรวจสอบรายได้ของ “วทันยา วงษ์โอภาสี” ส.ส.พลังประชารัฐ ว่า มีการเสียภาษีภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากดอกเบี้ยปีละ 2,215,000 บาท ต่อกรมสรรพากรโดยถูกต้องครบถ้วน หรือไม่ และตรวจสอบความสัมพันธ์รายการเงินให้กู้ยืมที่แจ้งต่อ ป.ป.ช. มีความสัมพันธ์กับคดีของ ก.ล.ต. หรือไม่
เกมนี้ ดาวฤกษ์ งานเข้าเต็มๆ.